วันพุธ, กันยายน 23, 2552

***เลือกเกิดไม่ได้ ***

"ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ มนุษย์เลือกที่จะเกิดบนความพร้อมทุกสิ่งไม่ได้ แต่มนุษย์เลือกที่จะเกิดบนความพร้อมทุกสิ่งไม่ได้ แต่ มนุษย์เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ต้องการได้ .... ด้วยตนเอง"
***ความพ่ายแพ้****
"ความพ่ายแพ้และอุปสรรคอาจบั่นทอนกำลังใจไปบ้าง แต่ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะพบกับความสำเร็จ โดยไม่ เคยพ่ายแพ้ และไม่เคยพบอุปสรรคมาก่อน"อุปสรรคจะเล็กน้อยหรือจะใหญ่จะโต ขึ้นอยู่กับจิตใจนั้นคิดใหญ่หรือใจที่คิดเล็ก "ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ปัญหาและอุปสรรคย่อมเกิดขึ้นเสมอหากไม่ท้อแท้หรือยอมแพ้ก็จะมีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จใหม่

***ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ***
"ไม่มีอะไรน่าเสียใจเลยสักนิด กับชิวิตเมื่อวานนี้ไม่มีอะไรน่ากังวลใจเลยสักนิด กับชิวิตที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้จะมีแต่ความทุกข์ใจ หากไม่คิดที่จะทำในวันนี้ และจะมีแต่ความเศร้าใจหากไม่เปลี่ยนแปลงตนเองตั้งแต่วันนี้งจัดการกับปัจจุบันให้ดีไว้เถิด แล้วอนาคตก็ปล่อยให้มันดูแลตัวของมันเอง "

วันอังคาร, กันยายน 15, 2552

บทความดีดี เมื่อชีวิตถึงที่สุด

หากชีวิตต้องเจอจุดวิกฤติที่สุด...เป็นช่วงเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย
มองไปทางไหนก็ดู เหี่ยวเฉา เหงา ไม่รักตัวเอง
สิ้นหวังกับทางที่เลือกเดิน อิจฉาริษยาผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือเหนือกว่าตัวเอง
เหยียบย่ำและดูถูกตัวเองอยู่ตลอดเวลา...
คอยมองโลก มองผู้คน มองสังคมไปในแง่ร้ายมันเป็นลักษณะของ...
"คนที่ไม่รักตัวเอง" ...."รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า"....
เรามีสิทธิ์ที่จะติดลบกับชีวิตและสิ่งรอบข้างได้...
แต่ถ้าเรามัวจมปลักอยู่กับความรู้สึกนั้น  เรายังไม่รักตัวเอง และไม่รักใคร ๆ แล้วละก็...
สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชีวิตเป๋ได้เหมือนกัน...
เราต้องแปรสภาพความรู้สึกที่ย่ำแย่นั้น
ให้เป็นเหมือนภาพเงาสะท้อนให้เห็นว่าถ้าเรารู้สึกอ่อนแอ และติดลบกับทุก ๆ สิ่ง 
ผลลัพธ์ของการกระทำนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร...
เมื่อเราไม่ศรัทธาตัวเอง คนรอบข้างก็อาจจะไม่ศรัทธาในตัวเราไปพร้อม ๆ กัน 
ยิ่งเราแสดงออกมาก ยิ่งจะถูกต่อต้าน ยิ่งเราถูกต่อต้าน 
เราก็ยิ่งจะมองโลกในแง่ร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วเมื่อไหร่เราถึงจะหลุดพ้นจากสภาพที่มันเลวร้ายนั้นได้...
มีคนเคยบอกไว้ว่า ...
"คุณค่า..ไม่ใช่สิ่งที่เราเดินไปเจอแบบเกมล่าสมบัติ..แต่คุณค่าคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง"
เพียงแค่เราลองหยิบยื่นความศรัทธาให้กับตัวเอง ไม่ยึดติดกับความโชคดีของผู้ใด
ไม่ทับถมตัวเองในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะสถานะและความเป็นอยู่และเป็นไป
"อย่าซ้ำเติมตัวเอง...อย่าดูถูกตัวเอง"
ลองมองความเป็นจริงของโลกใบนี้ดูสิ
ยังมีผู้คนที่เขาลำบากกว่าเรา ทุกข์ยากกว่าเรา เขาด้อยกว่าเรา
เขามีปัญหาชีวิตมากกว่าเราอีกเยอะแยะมากมาย
เราโชคดีแค่ไหน ที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย
ซึ่งมีคนอีกเป็นร้อยที่ไม่มีชีวิตรอดผ่านสัปดาห์นี้ไปได้
เรายังโชคดีกว่าคนอีก 500 ล้านคนบนโลกนี้
ที่เขาต้องอยู่ในสภาพสงคราม ติดคุก ถูกทรมาน และอดอยาก
เรายังร่ำรวยกว่าคนอีก 7.5% ของโลกนี้
ที่เขาไม่มีอาหารเก็บไว้ในตู้เย็น ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่มีแม้กระทั่งบ้าน
ลองค้นหาทางออกให้กับตัวเองดู
แม้ว่าวันนี้จะยังมืดมน หรือไม่มีใครสักคนที่เข้าใจในตัวเรา
แต่เราต้องเข้าใจตัวเอง สร้างพลังใจพลังภายในให้กับตัวเอง
"เราทุกคนมีแสงสว่างที่อยู่ในหัวใจ
คอยส่องนำทางอยู่แล้วคนละ 1 ดวง
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นมันหรือไม่เห็น
และรู้จักนำมันมาใช้หรือเปล่า...ก็เท่านั้น"

วันอาทิตย์, กันยายน 13, 2552

เคล็ดลับ 19 ประการ เพื่อความสุขชีวิตคู่

แนะปรับคนละครึ่ง และก้าวเดินไปพร้อมกัน

1. อย่าเปลี่ยนเขา แต่เปลี่ยนตัวคุณเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาทำอะไรให้คุณไม่ชอบใจชนิดรับกันไม่ได้จริงๆ ลองบอกสิ่งนั้นให้เขาฟัง แต่อย่าใช้น้ำเสียงโมโหโกรธาหรือตั้งท่าจะราวี
2. บางครั้งคุณจำเป็นต้องปฏิบัติไปตามกฎของคนที่คุณรักบ้าง ไม่ควรทำอะไรตามแต่ใจตัวเอง อย่าลืมว่าคุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนะ ไม่ใช่เป็นโสดอีกต่อไปแล้ว
3. ปรับจิตใจตัวเองเสียใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเหล็กแค่ไหน ถ้าต้องอยู่กับใครสักคนขึ้นมา คุณต้องดัดแปลงทัศนคติ, ความคิดและการแสวงหาความสุขแบบเดิมๆ มาเป็นในลักษณะที่มนุษย์ 2 คนทำร่วมกันได้ แล้วจะรู้ว่าชีวิตยังมีเรื่องสนุกให้ตักตวงไปพร้อมๆ กันอีกหลายอย่าง
4. แต่ขอให้ระลึกไว้ว่า คุณเป็นคนควบคุมชีวิตของตัวเอง จะทำสวยหรือโปรยเสน่ห์ให้เขาหลง ก็ขึ้นอยู่กับคุณเองนั่นแหละ ว่าจะหมั่นทำตัวเซ็กซี่หรือปล่อยเป็นพะโล้
5. คุยถึงเรื่องที่ดีและไม่ดี ให้กันและกันฟัง
6. บางครั้งก็ต้องเป็นหมอ (จิตแพทย์) ที่รักษาเรื่องบาดหมางระหว่างกัน
7. พูดให้น้อย แต่ทำให้มาก ซึ่งประการหลังหมายถึงหมั่นแสดงความรักต่อเขา เช่น จุมพิตกันบ่อยๆ หรือส่งสายตาระยิบระยับให้กัน
8. รักในข้อบกพร่องของคนที่เรารัก
9. ทำใจให้ได้ว่า ผู้ชายไม่ชอบเรื่องหยุมหยิมของภรรยาเหมือนกันทุกคน
10. ตรงข้าม ผู้ชายจะต่างกันในเรื่องการเอาใจใส่ภรรยา
11. อย่ากังวลกับเรื่องจุกจิกมากเกินไป เช่น บางคู่แม้แต่ยาสีฟันยังใช้คนละยี่ห้อ จึงเสนอวิธีคลี่คลายปัญหาซื้อมันเสียทั้ง 2 ยี่ห้อนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องพะวงว่า ควรซื้อยี่ห้อไหนดี
12. ถ้าจำเป็นต้องมีปากเสียงกัน ให้เลือกทะเลาะในเรื่องที่ฉลาดๆ หน่อย อย่าลืมว่า ความคิดต่างกันไม่ได้หมายความว่า เราไม่รักกัน
13. ท่องไว้ว่า มีทางออกสำหรับข้อขัดแย้งทั้งปวงเสมอ
14. หัดใช้ความเข้าใจเป็นสะพานเชื่อมถึงกัน
15. อยากจะรักกันนานๆ ควรปฏิบัติต่อกันอย่างให้เกียรติและนุ่มนวล
16. อย่าสับสนว่า ชีวิตสมรสจะเหมือนการออกเดท เพราะมีอีกหลายอย่างที่คุณต้องฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกัน
17. ถ้ามีปัญหาในชีวิตคู่ ควรช่วยกันแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ๆ อย่าตัดสินใจคนเดียว
18. หยุดชี้นิ้วสั่งโน่นสั่งนี่ เป็นเจ้าแม่ เสียทีเถอะ
19. หวานใส่กันเรื่อยๆ เช่น อย่าลืมกระซิบคำพูดแสนหวานให้เขาฟัง, จูงมือกันยามเดินข้ามถนน หรือแม้แต่บอกให้เขารู้ว่าเขาจะพิชิตใจคุณได้อย่างไร

ขอบคุณ ประสบการณ์จริง ของพาเมลา ฮิลล์ เนตเติลตัน อยู่ในนิตยสารเรด บุ๊ก และ http://www.tamdee.net/

ยิ้มให้ความทรงจำที่ดี ถึงวันนี้จะยังร้องไห้


ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไป คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง ที่ทำให้คุณปล่อยวางลงไม่ได้ ธรรมชาติของรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟูจนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า มีวันที่รักมา ก็อาจมีวันที่รักไปได้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม หลายคนจึงอดหลงใหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้ในยามที่มันอยู่ เรามักหลอกตัวเองว่า เพราะเรารักเขามาก เขาคงเห็นความดี ความตั้งใจของเรา และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา ความฟูของหัวใจ มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึงการรู้สึกยึดมั่น ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้งที่เราต้องการ นานเท่าที่เราปรารถนา ความรู้สึกอันนี้แหละ คือจุดเริ่มของความเจ็บปวดทั้งมวล เพราะมันฝืนกฏธรรมชาติ ไม่ได้บอกว่า ... รักต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสมอไป เพียงแต่ถ้าเขาจะอยู่ เขาจะไป จะรักคุณมากขึ้น คงเดิม หรือหดน้อยถอยลง ก็จะเป็นเพราะคนสองคน ไม่ใช่ความต้องการของเราฝ่ายเดียว หรือเขาฝ่ายเดียว ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยาก ... แต่ในความซับซ้อนนั้น มันก็เรียบง่ายอย่างที่เรานึกไม่ถึง เพราะไม่ว่าสิ่งไหน เรื่องอะไรสารพัดสารพัน ทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในกฏเดียวกัน มันจะ เกิดขึ้น ... ตั้งอยู่ ... แปรสภาพ แล้วก็จบลง รักที่สมหวังอยู่กันจนแก่เฒ่า ก็หนีไม่พ้นกฏข้อนี้ เพราะวันนึง ไม่เราก็เขาก็ต้องตายจากกัน สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ... วันนี้เขาอยู่หรือจากไป สำคัญที่ว่า ... ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน ขอให้มีความทรงจำที่ดี ... ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ถึงวันนี้จะยังร้องไห้ ก็คงไม่กระไร เพราะชีวิตก็เป็นแบบนี้ มีวันที่เลวร้าย มีวันที่สวยงาม มีวันที่ว่างเปล่า สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน สุขเคยแวะผ่านมาแล้วก็ไป ทุกข์ก็เป็นเฉกเช่นกัน ร้องไห้แล้วก็อย่าร้องเปล่า ๆ มองให้เข้าใจสัจธรรมของชีวิตไปด้วย  ได้แต่อวยพรให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น เติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่อย่าแข็งกร้าว ขอให้อ่อนโยน แต่เข้มแข็ง และขอให้วันใหม่ในชีวิตมาถึงในอรุณรุ่งของวันพรุ่งนี้ วันที่เราจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป

10 วิธีสร้างความสุขด้วยตัวคุณเอง






รถไฟฟ้า หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา (รออยู่ ไม่รู้ว่าจะได้ใช้บริการหรือเปล่า)


โครงการต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส จากหมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา ระยะทาง 30 กิโลเมตร
สายนี้เป็นเส้นเดียวกับที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เคยศึกษาความเหมาะสมของโครงการไว้เบื้องต้น ตั้งแต่เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา โดยขณะนั้นได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ด้วย ปรากฏว่า ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี   สถานะล่าสุดของโครงการทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ร่วมกับ กทม. ได้ว่าจ้างที่ปรึกษามาออกแบบรายละเอียด มีกำหนดแล้วเสร็จ ในเดือนเมษายน 2551 หลังจากนั้น จะสามารถเปิดประมูลได้ทันที  อย่างไรก็ตามเป็นการออกแบบรายละเอียดเพียงบางส่วนเท่านั้น คือ จากหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร โดยต่อเชื่อมกับบีทีเอส สถานีหมอชิต ไปทางห้าแยกลาดพร้าว วิ่งไปตามแนวถนนพหลโยธินจนถึง สะพานใหม่ โครงสร้างเป็นทางยกระดับ มีทั้งหมด 12 สถานี

1.สถานีห้าแยกลาดพร้าว อยู่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว
2.สถานีพหลโยธิน อยู่ปากซอยพหลโยธิน 24
3.สถานีรัชโยธิน เลยแยกเมเจอร์รัชโยธินไปเล็กน้อย
4.สถานีเสนานิคม อยู่บริเวณซอยเสนานิคม 2
5.สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อยู่ห่างจากแยกเกษตรศาสตร์ 150 เมตร
6.สถานีกรมป่าไม้ ใกล้โรงเรียนสารวิทยา
7.สถานีบางบัว ใกล้มหาวิทยาลัยศรีปทุม และโรงเรียนบางบัว
8.สถานี ทหารราบที่ 11 อยู่ด้านหน้ากรมทหารราบที่ 11
9.สถานีวัดพระศรีมหาธาตุใกล้สำนักงานเขตบางเขน
10.สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ อยู่หน้าโลตัสสะพานใหม่
11.สถานีพหลโยธิน 50 อยู่ปากซอยพหลโยธิน 50 และ
12.สถานีตลาดยิ่งเจริญ อยู่ด้านหน้าตลาดยิ่งเจริญ
ใช้งบฯลงทุนก่อสร้างประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้างโยธา 10,000 ล้านบาท งานติดตั้งระบบ 4,000 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 1,400 ล้านบาท และงานจัดหารถไฟฟ้าอีกประมาณ 5,000 ล้านบาท  ส่วนช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกาที่ กทม.ศึกษาความเหมาะสมไว้แล้ว จะเป็นโครงสร้างยกระดับต่อจากช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ จากสถานีสะพานใหม่วิ่งไปตามแนวถนนพหลโยธินจนสุดเขต กองทัพอากาศ แล้วเลี้ยวขวาต่อไปยัง ถนนลำลูกกา สิ้นสุดบริเวณถนน กาญจนาภิเษก รวมระยะทาง 12.2 กิโลเมตร มีสถานีทั้งหมด 6 สถานี
1. เริ่มจากสถานีดอนเมือง
2. สถานีโรงเรียนนายเรืออากาศ
3. สถานีคูคต
4. สถานีคลองสาม
5. สถานีคลองสี่
6. ปลายทางสถานีวงแหวนรอบนอก
สำหรับงบฯลงทุน ผลการศึกษา เมื่อปี 2548 ระบุว่าต้องใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 15,746.47 ล้านบาท แยกเป็นงานโยธา 9,859.15 ล้านบาท ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 3,163.32 ล้านบาท ระบบรถ 2,000 ล้านบาท ค่ารื้อย้ายสาธารณูปโภค 524 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดินและจัดกรรมสิทธิ์ 200 ล้านบาท วิเคราะห์ผลตอบแทนด้านการเงินออกมาอยู่ที่ 14.95% ผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ 13.80%  ส่วนต่อขยายช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกานี้ ความตั้งใจจะลงมือก่อสร้างเหมือนกับที่ประกาศไว้ แล้วนำ ผลการศึกษาเดิมมาปัดฝุ่น พร้อมกับศึกษา รายละเอียดเพิ่มเติม ยืดสายทางออกไปถึงลำลูกกาคลอง 7

ฉลาดคิด.. พิจารณาซื้อบ้าน 5 ทำเลเด่น ตามแนวเส้นคมนาคมสายใหม่

ทำเลที่ตั้งของบ้าน คือ ปัจจัยพิจารณาอันดับแรก ซึ่ง นายวสันต์ คงจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมในทำเลที่ต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าหรือราคาบ้านจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงต่างกัน ดังนั้น การซื้อสังหาริมทรัพย์หรือซื้อบ้าน ผู้ซื้อต้องพิจารณาจากปัจจัยประกอบเพิ่มเติมจากที่เคยคำนึงถึงในเรื่องความ สะดวกในการเดินทางเพียงอย่างเดียว กล่าวคือ ต้องพิจารณาว่า ในย่านนั้นมีข้อกฎหมายใดๆ ควบคุมอยู่บ้าง มีการประกาศแนวเวนคืนหรือไม่ นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงโครงข่ายคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

โดยในช่วงเวลานี้ไปจนถึงปี 2548 ทำเลที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยมีทั้งหมด 5 ทำเล ประกอบด้วย
1.ทำเลเส้นทางรถไฟสายสีม่วงบางใหญ่ - บางซื่อ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างราคาที่ดินได้ปรับขึ้น ตลอดสายเฉลี่ย 5% เมื่อเทียบระหว่างปี 2546 กับปี 2547 โดยราคาเฉพาะช่วงถนนรัตนาธิเบศน์ที่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้ามีราคาประปรับขึ้นสูง สุด 13% หรือปรับจากราคาตารางวาละ 4 หมื่นบาทเป็น 4.5 หมื่นบาท ในขณะที่บ้านจัดสรรย่านบางใหญ่ที่เป็นปลายทางรถไฟฟ้า มีการปรับราคาขึ้นไปแล้วประมาณ 10% รถไฟฟ้าสายนี้จะเปิดที่ดินใหม่ย่านบางใหญ่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทำเลสนามบินน้ำและทำเลย่านสะพานพระนั่งเกล้า
2.ทำเลเส้นทางรถไฟฟ้าช่วงสวนหลวง - อ่อนนุช รวมทั้งในพื้นที่ดังกล่าวยังมีการก่อสร้างทางด่วนสายบูรพาวิถีเชื่อมพื้นที่ อ่อนนุชและสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าอีกอย่างน้อย 2 ปี ทางด่วนสายนี้จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อโครงการเชื่อมโยงพื้นที่ดังกล่าวกับสนามบินสุวรรณภูมิ และศูนย์กลางธุรกิจเสร็จสมบูรณ์ ที่ดินและโครงการย่านอ่อนนุชจะมีราคาแพงขึ้นแน่นอน
3.ทำเลในเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย คือ รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน นอกจากทำเลย่านอโศกและสุขุมวิท ที่มีความน่าสนใจในด้านการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่า แล้ว ทำเลย่านพระราม 3 เป็นทำเลต่อเชื่อมอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความน่าสนใจเช่นกัน
4.ทำเลย่านบางกะเจ้า ซึ่งเชื่อมต่อพระราม 3 ด้วยสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมวงแหวนด้านใต้ เมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์จะเพิ่มมูลค่าที่อยู่อาศัยย่านราษฎร์บูรณะ ประชาอุทิศ ให้มีราคาสูงขึ้น เพราะจะกลายเป็นทำเลที่เชื่อมเข้าย่านศูนย์กลางธุรกิจ คือ ถนนสาทรและสีลมได้เร็วขึ้น
5.ทำเลย่านกรุงเทพฯ ตอนเหนือ บริเวณที่มีถนนตัดใหม่เชื่อมต่อย่านวัชรพลกับลำลูกกา จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่น่าสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยเช่นกัน
นอกจากเครือข่ายระบบรางและ ถนนตัดใหม่รองรับสนามบินสุวรรณภูมิ และยังมีทำเลทองของการอยู่อาศัยในอนาคตที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันคือ ย่านบางซื่อ มักกะสัน และตากสิน พื้นที่เหล่านี้จะถูกพัฒนาให้เป็นชุมชนใหม่ เป็นศูนย์คมนาคมของ กทม. เชื่อมโยงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยหรือซื้อเพื่อรอมูลค่าเพิ่มใน อนาคตได้

ขอบคุณ http://www.thaihomemaster.com/showinformation.php?TYPE=13&ID=539

วันเสาร์, กันยายน 12, 2552

จัดห้องให้เหมาะกับวัยของลูก

1. ความต้องการพื้นที่ในการใช้งาน และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของเจ้าตัวเล็ก
ในความเป็นจริงแล้วก่อนการจัดห้องให้เจ้าตัวเล็กคุณควรเข้าใจถึงธรรมชาติของ เด็กก่อน เช่น ต้องรู้ว่าเด็กแรกเกิดใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเปลเล็ก ๆ หรือเตียงเล็ก ๆ สำหรับเด็กที่มีที่กั้นเพื่อความปลอดภัย และต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของเด็กต้องมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการจัดห้องคือ ควรมีแนวความคิดในการจัดอย่างมองเห็นว่าห้องต้องสามารถโตไปพร้อมกับลูกได้ โดยยึดหลักให้ห้องสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการในแต่ละช่วงวัยของลูก
งานหนักสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทั้งหลายอีกงานหนึ่งก็คงเป็นเรื่องการ เตรียมห้องให้กับเจ้าตัวเล็ก ข้อมูลต่าง ๆ มากมายที่ได้รับคงทำให้ตัดสินใจลำบากว่า ควรจัดห้องสำหรับลูกอย่างไรถึงจะเหมาะสม และสำหรับวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งข้อมูลมาให้ปวดหัวเล่นกันอีกแล้วค่ะ เพราะเราจะนำเสนอการจัดห้องให้เจ้าตัวเล็กของคุณเพื่อให้ห้องเป็นพื้นที่ สำหรับสร้างทักษะและพัฒนาศักยภาพให้กับลูกคุณ ตอนนี้ได้เวลาแล้ว เรามาช่วยกันทำให้ห้องของเขาเป็นโลกที่แสนอบอุ่นและเหมาะสมต่อการหล่อหลอม ให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีความพร้อมในการเจริญเติบโตอย่างเต็มศักยภาพกันดีกว่า ค่ะ
2. เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องของลูก
ควรเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว โต๊ะที่ใช้ในห้องก็ต้องเป็นโต๊ะตัวเล็ก ๆ และอย่าลืมโต๊ะสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมด้วย
3. การเลือกใช้สีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับห้องของลูก
ควรเลือกให้เหมาะสมกับวัย เพศ และอายุ สีจะทำให้ห้องดูอบอุ่น และกว้างขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องการเสริมสร้างความมั่นคงทางอารมณ์อีกด้วย สีที่เหมาะกับห้องเด็ก ได้แก่ สีชมพูราสเบอรี่ สีฟ้าสว่าง สีเหลืองมะนาว และสีเขียวอ่อน
4. การจัดวางทิศทางของห้อง
ควรมีการวางแผนการจัดทิศทางสำหรับห้องของเจ้าตัวเล็กเพื่อให้ห้องของเจ้าตัว น้อยมีการถ่ายเทอากาศที่ดี มีความโปร่งสบาย และมีแสงที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ลูกได้รับความสงบและพักผ่อนได้ดีขึ้น
5. ของเล่นที่เหมาะสมตามวัย
ของเล่นเป็นอีกสิ่งจำเป็นที่ควรมีในห้องของลูก เพราะเด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น ดังนั้นของเล่นที่เหมาะสมกับเด็กแรกเกิดควรเป็นของเล่นที่ทำจากผ้า หรือวัสดุที่นุ่ม ๆ และที่สำคัญต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอย่าทำให้ของเล่นกลายเป็นแหล่งสะสม ของเชื้อโรค
"ห้องเล็ก ๆ ที่แสนยิ่งใหญ่ ห้องที่เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของลูกคุณ"
ที่มาของข้อมูล:
http://women.kapook.com/view1551.html

วันศุกร์, กันยายน 11, 2552

8 ทริค โกหกของผู้ชายแอ๊บโสด

1. ขอนัดเอง พี่เกรงใจ เนื่องจากแฟนๆ ในสต็อกมีอยู่ไม่ต่ำกว่าครึ่งโหล ขืนปล่อยให้สาวๆ เป็นคนนัดเวลาเอง ดีไม่ดีรถไฟอาจจะมาวิ่งประสานงากันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วใครล่ะที่จะเป็นคนเจ็บตัว .. หนุ่มๆ เขาก็เลยต้องขอเป็นคนบริหารตารางเวลาเองทุกนัด จะได้แบ่งภาคได้ถูกว่าเวลาไหนร่างกายหล่อล่ำกำยำนี้ควรจะเป็นของใคร และตอนไหนที่จะต้องเว้นจังหวะเอาไว้หายใจกับแฟนตัวจริง สาวๆ ที่นัดเมื่อไรหวานใจทำอ้ำอึ้งขอเช็คเวลาว่างก่อนทุกที ควรจะระแวงไว้บ้างนะว่าอาจจะเจอสตรอเบอร์รี่ในร่างมนุษย์(เพศชาย) เข้าให้แล้ว หนทางจับพิรุธ : โผล่ไปเซอร์ไพรส์ไม่ให้เขาตั้งตัวดูซิ .. ไม่ว่างเพราะทำงานจริงหรือเปล่ายะ
2. ไม่มีแฟนในที่เดียวกัน ผู้ชายสายพันธุ์แอ๊บไม่นิยมสะสมกิ๊กไว้ในละแวกเดียวกัน เช่ในบริษัทเดียวกันหรือหมู่บ้านเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผลประโยชน์ทับซ้อน สาวใสซื่อที่ไม่ทันเกมอาจจะหลงมองโลกในแง่ดีว่าเขาช่างเป็นผู้ชายรักเดียวใจเดียวไม่เกี่ยวกิ๊กแต่หารู้ไม่ว่าหนุ่มเจ้าเล่ห์เขาจัดโซนมาเรียบร้อยแล้วเขตกรุงเทพ จะมีกี่คน เขตปริมณฑลควรซุกไว้กี่คน กิ๊กแต่ละนางถึงจะไม่เพ่นพ่านออกมาชนกัน เพราะของแบบนี้ขืนควงเรี่ยราดไม่ดูทำเลให้ดีมีสิทธิ์งานเข้าได้ง่ายๆ แล้วร่างก??บวิญญาณของเขาก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกต่อไป ...
3. ไม่ชอบพกรูปไว้ในกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสตางค์เป็นอุปกรณ์เบื้องต้นที่จะต้องถูกตรวจค้นเป็นด่านแรกแล้วเรื่องอะไรชายแอ๊บโสดเขาจะใส่รูปคู่ของเขากับคุณเอาไว้ให้กิ๊กนางอื่นของขึ้นล่ะและเพื่อความไม่ประมาท ไม่ให้เกิดกรณีใส่รูปแล้วลืมเอาออก ก็เลยตัดปัญหาด้วยการไม่เก็บรูปใครไว้ในกระเป๋าเลย
4. เหลียวหน้าเหลียวหลังเวลาเดิน อาการนี้จะมาทันทีที่เขาพาคุณไปเดินตามสถานที่ที่คนอื่นเขาชอบไปกันเพราะยิ่งสถานที่ป๊อปเท่าไร เปอร์เซ็นต์เสี่ยงที่รถไฟจะชนกันก็มีมากเท่านั้นสังเกตได้ง่ายๆ ว่าพี่แกจะมีท่าทางล่อกแล่ก ก้มหน้าก้มตาและคอยมองรอบตัวตลอดเวลาราวกับเป็นลูกหนี้กำลังชิ่งหนีเจ้าหนี้ทวงเงิน นอกจากนี้เขาจะไม่ค่อยคุยและจะพยายามเร่งให้คุณเดินเร็วๆ หรือพาหลบเข้าไปในร้านใดร้านหนึ่ง เพื่อให้มีผนังช่วยบังเขาไว้จากสายตาของโลกภายนอก หนทางจับพิรุธ : พยายามชวนเขาไปเดินตามแหล่งช้อปปิ้งที่ผู้หญิงชอบไป และเดินให้นาน ถ้าเขาพาคุณเข้าร้านอาหารก็ให้เลือกนั่งโต๊ะติดกระจก เขาจะเป็นวัวสันหลังหวะหรือเปล่า เดี๋ยวก็รู้ ...
5. เลื่อนนัดเป็นประจำ ในเมื่อร่างกาย หัวใจ และเวลาของพี่เขามีคนรอรุมทึ้งประหนึ่งเป็นสวนสาธารณะ การที่แฟนคนหนึ่งจะนัดซ้อนกับอีกคนจึงเป็นเรื่องธรรมด๊า ..ธรรมดา และเมื่อมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น คนที่สวยน้อยกว่าหรือเก่ากว่าก็จะต้องถูกเลื่อนนัดเพื่อให้คนใหม่ใสกิ๊งได้เวลาไปก่อน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ถูกเลื่อนนัดเป็นประจำก็ให้เข้าใจสัจธรรมโลกไว้เถอะว่า พะโล้หม้อเก่าย่อมไม่เร้าใจเท่าหมูตุ๋นหม้อไฟ แต่ไม่ต้องเสียใจ อีกไม่นานยายหมูที่ถูกตุ๋นจนเปื่อยนางนั้นก็จะต้องกลายเป็นของเก่า แล้วก็ต้องถูกเลื่อนนัดเพื่อเอาเวลาไปประเคนคนใหม่เหมือนกับคุณนี่ล่ะ หนทางจับพิรุธ : อย่ายอมให้เขาเลื่อนนัด ถ้าคุณไม่ยอมจริงๆ เขาจะมาหาคุณก่อน แต่นั่งแค่แป๊ปๆ ก็จะขอตัวชิ่งไปหาสาวอื่น ถ้าคุณแกล้งยื้อไว้ พี่แกจะมีอาการกระสับกระส่ายคล้ายจะเป็นบ้า นั่นล่ะชัวร์ .. แต่ถ้าอยากจะรู้แจ้งเห็นจริงยิ่งกว่านั้น ควรจะแอบตามไปห่างๆ แล้วคุณก็จะได้เห็นเอง
6. นิยมส่งเมสเสจมากกว่าคุยโทรศัพท์ เพราะการส่งเมสเสจมันไม่มีเสียง เขาจึงสามารถติดต่อกับชู้ เอ้ย! กิ๊กได้ตลอดเวลา จะทำที่ไหนเมื่อไรก็ไม่มีขาเม้าท์ที่ไหนมาได้ยิน ขนาดว่านั่งพิมพ์ต่อหน้าคุณก็ยังไหว แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์ แค่รับมาแล้วขึ้นต้นประโยคด้วยเสียงแบบโดนัทเคลือบน้ำตาลว่า "ว่าไงจ๊ะ" หัวกับตัวก็คงพรากจากกันด้วยน้ำมือคุณไปเรียบร้อย หนทางจับพิรุธ : หนุ่มลูกผสมระหว่าคนกับค้างคาวที่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง จะรีบลบเมสเสจทิ้งทันที่อ่านเสร็จ โอกาสถูกจับได้ขอบอกว่า ยาก!
7. กินข้าวไม่หมดจาน ถึงหัวใจเขาจะเปิดรับพนักงานสาวๆ ได้ไม่จำกัด แต่กระเพาะเขามันไม่ได้มีเนื้อที่มโหฬารปานเขาตะเกียบไปด้วย หนุ่มแอ๊บโสดทั้งหลายก็เลยมักจะเป็นคนกินน้อยผิดวิสัยสามัญมนุษย์เพราะหลายครั้งที่กินกับคุณแล้ว อีกชั่วโมงก็ต้องไปกินกับสาวอื่นต่อ อย่าแปลกใจเลยว่าทำไมชายเจ้าชู้มักลงพุง มันเป็นผลกรรมที่ติดจรวดมาจากการหลอกสาวๆ นั่นล่ะ
8. เปิดมือถือระบบสั่น เพราะการที่มือถือดังแล้วไม่รับ มันเป็นการประกาศให้โลก(และคุณ) รู้ทันทีว่าคนที่โทร.มาต้องเป็นคนที่เขาไม่กล้าเปิดเผยให้ประชาชนรู้ว่ากำลังคบกันอยู่ แต่ไอ้ครั้นจะไปห้ามไม่ให้ยายกิ๊กโทร.มาตอนกำลังหวานแหววกับคุณก็คงเป็นไปไม่ได้ การเปลี่ยนมือถือให้เป็นระบบสั่นจึงเป็นคำตอบสุดท้ายในการเอาชีวิตรอดของหนุ่มแอ๊บทั้งหลาย เพื่อไม่ให้คุณรู้ว่าขณะนี้กำลังมีการแบ่งเค้กกันซึ่งหน้าแล้วจากนั้นเขาก็ค่อยหลบไปโทร.กลับหาสาวนางนั้นอีกที พร้อมข้อแก้ตัวที่น่าเชื่อที่สุดในโลก

วันเสาร์, กันยายน 05, 2552

วิธีจัดการกับอารมณ์เหนื่อยเพลีย

มีบ้างไหมที่คุณรู้สึกเหนื่อย เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจเสียเต็มประดา จนไม่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งวัน อยากนอนอยู่กับที่เฉยๆ เผื่อจะหายเหนื่อยขึ้นมาบ้าง เหนื่อยแบบนี้ไม่เหมือนกับความเหนื่อยที่เกิดขึ้นหลังวิ่งหรือออกกำลังกายมาใหม่ๆ นะค่ะ แต่หมายถึงอารมณ์เพลียละเหี่ยใจ พาลไม่มีแรงทำอะไรสักอย่าง พอถึงวันหยุดก็จมอยู่กับที่นอนทั้งวัน จนเหมือนคนขี้เกียจ แถมให้คิดอะไรก็คิดไม่ค่อยจะออกเสียด้วย กลายเป็นคนความคิดช้า ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนที่เคยเป็น
เชื่อไหมว่าในโลกนี้มีคนที่กำลังมีอาการแบบนี้อยู่อีกเป็นล้านๆ คน จนแทบเหมือนเรื่องธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาหรอกนะค่ะ เพราะลองคิดว่าถ้ามีคนมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียละเหี่ยใจตลอดเวลาแบบนี้เยอะขนาดนั้น แล้วองค์กรหรืองานที่คนเหล่านี้ทำอยู่จะเคลื่อนตัวไปได้ช้าเพียงใด ยิ่งหากมองภาพรวมในระดับประเทศชาติยิ่งแล้วใหญ่ การพัฒนาศักยภาพแขนงต่างๆ อะไรต่อมิอะไรคงเป็นไปได้ช้าพิลึก!
ในทางการแพทย์มองว่าอาการอ่อนเพลียของคนเราที่เกิดขึ้นเสมอๆ นี้ ถือเป็นความผิดปกติของร่างกายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา สาเหตุของความเหนื่อยอ่อนแบบนี้คงจะตอบได้ยากว่าเกิดจากอะไรแน่ เพราะแต่ละคนล้วนมีปัจจัยแวดล้อมแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วมักจะมีเหตุมาจากความเจ็บป่วยไม่สบาย การอดนอน ความเครียด คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การทำงานมากเกินไป การรับประทานยาประจำตัว หรือไม่ก็อารมณ์ที่กำลังซึมเศร้าจากแรงกดดันรอบๆ ตัว ยิ่งอยู่ในสภาพสังคมเมืองใหญ่ที่เรามักจะใช้พลังร่างกายกันเกินพิกัด เวลาควรนอนไม่ได้นอน เวลาควรกินไม่ได้กิน เพราะทำงานเกินเวลา หรือเป็นพวกนิยมการปาร์ตี้สังสรรค์ดึกดื่นข้ามวันข้ามคืน พอตื่นเช้าขึ้นมาเลยลุกไม่ไหว เรียกว่าปาร์ตี้กันเพลินเกินเวลาพาให้งานการเสียก็มีอยู่ไม่น้อย พอได้สติขึ้นมาก็รู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรเสียแล้ว
อาการเหนื่อยๆ เพลียๆ นี้อาจรักษาได้ด้วยยาบางอย่าง อย่างเช่น ยาระงับประสาท หรือยานอนหลับ กินให้คลายเครียดนอนหลับสนิท ตื่นมาจะได้มีเรี่ยวแรง แต่ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้ก็อย่างที่พอรู้ๆ กันอยู่ ถ้ากินติดต่อกันเป็นเวลานานจะมีผลเสียต่อสุขภาพจิตประสาทแน่ๆ ทางที่ดีกว่า คือการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตเสียใหม่ น่าจะให้ผลที่ดีในระยะยาวกับตัวคุณมากกว่า ลองพิจารณา 8 วิธีที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ แล้วนำไปปฏิบัติตามดู คุณอาจจะหยุดความอ่อนเพลียละเหี่ยใจกลับมาเป็นคนใหม่ได้ในเวลาไม่ช้า
1.ไปตรวจสุขภาพ ลองนึกๆ ดูว่าที่คุณรู้สึกเหนื่อยๆ นั้นเป็นเพราะเกิดมาจากอาการไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเปล่า เพราะอาการอย่างเช่น เบื่ออาหาร มึนงง หัวหมุนติ้ว ปวดเมื่อยเนื้อตัว งงๆ ลอยๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ หรือซึมเศร้า บางทีอาจมาจากโรคที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ หรือบางครั้งยาที่เราจำเป็นต้องกินเข้าไปก็มีผลข้างเคียงทำให้ร่างกายเราอ่อนเพลียได้ เช่นยาประเภทที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย ยาแก้แพ้ หรือยารักษาอาการติดเชื้อบางประเภท ยารักษาโรคเรื้อรังบางอย่าง ยาระงับประสาทบางตัว อาจทำให้คนที่กินง่วงเหงาหาวนอน ซึ่งคุณควรจะขอคำแนะนำจากคุณหมอเพิ่มเติมในเรื่องนี้ดูว่ามีวิธีไหนที่จะหลีกเลี่ยงได้บ้าง
2. ให้ความสำคัญกับการนอนหลับเพิ่มขึ้น ในวันหนึ่งๆ คุณควรจะนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย หากคุณนอนไม่หลับหรือนอนไม่พอเป็นประจำ ลองนึกดูว่าอะไรเป็นอุปสรรคต่อการนอนของคุณบ้าง เช่น ชอบเปิดไฟนอน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือก่อนนอนเป็นนิสัย การทำแบบนี้มักจะเป็นการรบกวนการนอนของคุณโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรยกกิจกรรมเหล่านี้ไปทำที่อื่น แล้วก่อนนอนควรทำอะไรที่จะทำให้จิตใจคุณสงบนิ่ง สบาย เช่น อาบน้ำให้สะอาด หรือทำสมาธิสวดมนต์ ไหว้พระ เป็นต้น แล้วเมื่อถึงเวลานอนให้ตรงเข้ามาในห้องนอนเพื่อนอนเพียงอย่างเดียว อ้อ...ควรงดการดื่มกาแฟ หรือแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอนด้วย
3. กินอาหารให้เพียงพอกับธรรมชาติของร่างกายต้องการ นอกจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันในปริมาณที่สมดุลแล้ว ยังจำเป็นต้องกินอาหารที่มีวิตามิน และเกลือแร่ที่เพียงพอด้วย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีกำลังวังชา ไม่กินมากไปจนทำให้อ้วนเดินไม่ไหว หรือกินน้อยไปจนกลายเป็นคนผอมแห้งแรงน้อย เลือกกินให้พอดีๆ ทั้งข้าว แป้ง เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ ก็จะช่วยคุณไม่ให้ไปเสียเงินเพิ่มกับค่าอาหารเสริมต่างๆ ทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นด้วย
4. ดื่มน้ำเปล่ามากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้วขึ้นไป หลายๆ คนพอจะรู้อยู่ว่าการดื่มน้ำเปล่ามากๆ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดี ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น แต่คุณบางคนอาจยังไม่เคยทราบว่าการดื่มน้ำก็ให้พลังงานกับร่างกายได้ด้วยเหมือนกัน เพราะเวลาที่ร่างกายไม่ได้รับน้ำเพียงพอ โดยธรรมชาติจะพยายามปรับตัวทำงานให้หนักขึ้นเพื่อให้ได้น้ำมาใช้ในกระบวนการเผาผลาญอาหารให้กลายเป็นพลังงาน คล้ายๆ กับรถที่ขาดน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ในเวลาที่คุณต้องออกแรงหรือใช้ความคิดมากๆ จนรู้สึกหมดเรี่ยวแรง การได้ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำผักคั้นสดๆ สัก 1-2 แก้วจะช่วยทำให้คุณรู้สึกแช่มชื่นขึ้นได้อย่างเห็นผล เพราะทั้งน้ำตาลธรรมชาติและวิตามินในน้ำผัก/ผลไม้จะเข้าไปทดแทนส่วนที่ถูกใช้ไปได้เป็นอย่างดี และหากเป็นไปได้ควรพยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนจะดีกว่า
5. กินอาหารแต่ละมื้อให้อิ่มพอดี หรือแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ ปริมาณน้อยแต่เพิ่มจำนวนมื้อ คุณลองสังเกตดูเวลาเรากินอาหารเข้าไปเยอะๆ จนอิ่มแปล้นั้น มักจะตามมาด้วยอาการง่วงเหงาเงื่องหงอย ในอีกไม่กี่นาทีต่อมาเสมอค่ะ นั่นเพราะร่างกายใช้พลังงานอย่างสูงไปในการย่อยอาหารจนหมด ดังนั้นการกินอาหารมื้อละน้อยๆ จะช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานแต่พอดีๆ แต่ยังช่วยให้ระบบการย่อยของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าด้วย แถมจะช่วยให้การเผาผลาญอาหารทำได้เต็มที่กว่าเดิมด้วย
6. หายใจลึกๆ ใช้สมาธิจดจ่อกับลมหายใจเข้า-ออก สักติดต่อสักประมาณ 2 นาที จะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากอารมณ์เหน็ดเหนื่อย วิตกกังวล เศร้าใจ เสียใจ หรือโกรธ ต่างๆ ได้มาก ซึ่งมีผลให้จิตใจของคุณสงบ สบายขึ้น คุณอาจตั้งสติจดจ่อกับการหายใจแบบนี้ในเวลาที่กำลังทำกิจกรรมอื่นๆ อยู่คนเดียว เช่น ตอนที่รถติดๆ บนถนน ขณะเดินเล่น หรือแม้กระทั่งเวลาซักผ้า ล้างจาน จะช่วยให้จิตใจของคุณมีสมาธิดีขึ้นได้
7. ออกกำลังกายให้มากขึ้น และทำอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายสร้างสารเอ็นดอร์ฟินขึ้นมาในสมองโดยอัตโนมัติ ซึ่งสารนี้จะเป็นสารที่ให้ความรู้สึกเป็นสุข ช่วยคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียได้ชะงัด และยังช่วยให้กล้ามเนื้อใช้พลังงานที่ร่างกายเผาผลาญมาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ขนาดที่เหมาะคือออกกำลังกายหนักปานกลางวันละ 30 นาทีอย่างน้อยๆ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ หากคุณเป็นคนหนี่งที่นานๆ จะมีโอกาสออกกำลังกายสักที ควรตั้งต้นเสียใหม่ยังไม่สายเกินไปด้วยการเริ่มต้นออกกำลังจากทีละน้อยๆ ช้าๆ ก่อน เช่น การเดินรอบๆ บ้าน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง ความหนักทีละนิดๆ เช่น เปลี่ยนเป็นวิ่งระยะใกล้ๆ แล้วค่อยเพิ่มระยะทางยาวขึ้น เลือกการออกกำลังกายแบบใดก็ได้ที่ไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหวเสียก่อน เมื่อคุณได้ใช้พลังงานไปกับการออกกำลังกายแล้วจะช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิท ความรู้สึกนึกคิดก็จะแจ่มใสกว่า
8.อยู่กับปัจจุบันให้ได้ เคยมีคนกล่าวไว้ว่า หากแบ่งพลังงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตเป็น 100 ส่วน ประมาณ 35 ส่วนจะถูกใช้ไปกับการคิดถึงอดีต 35 ส่วนจะใช้กับการคิดถึงอนาคต ที่เหลืออีกเพียง 30 ส่วนจึงจะใช้คิดถึงเรื่องปัจจุบัน ฟังแล้วคงเห็นภาพว่าทำไมเราถึงรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องบางเรื่องที่มันผ่านไปแล้วและเราไม่สามารถแก้ไขได้ หรือเหนื่อยกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเสียเหลือเกิน ดังนั้นทางออกก็คือ การอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด เพราะปัจจุบันเท่านั้นที่คุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ การจดจ่อกับปัจจุบันกาลจะทำให้คุณมีสติรับรู้อันเต็มเปี่ยมทุกขณะจิต มองโลก มองสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ ตามความเป็นจริง และจะช่วยให้คุณตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมาก เลือกทำในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ รู้ว่าควรทำอะไรก่อนหรือหลัง ไม่ลนลาน หรือร้อนรน ทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและคนรอบข้างได้
                      อ่านจนครบ 8 วิธีแล้ว หวังว่าใครที่มักจะรู้สึกเพลียใจอยู่จนเป็นกิจวัตรน่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นแถมท้ายอีกหน่อยด้วยวิธีแก้เครียด วิตกกังวล และกลัว ซึ่งมีที่มาเหตุการณ์ต่างๆ ที่คุณประสบพบเจอ ปัญหาชีวิต ปัญหาเศรษฐกิจ ความคิด ความทรงจำ หรือแม้แต่ความผิดหวังจากที่คาดหวังเอาไว้ ทั้งหมดนี้ล้วนก่อความเครียดให้คุณได้ไม่มากก็น้อย นำมาซึ่งอาการข้างเคียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ปวดคอ ปวดตึงที่กล้ามเนื้อไหล่ เหงื่อออกมาก ใจเต้นแรง เป็นต้น วิธีทำใจให้คลายเครียดที่เราอยากแนะไว้ตรงนี้ โดยการ กินอาหารให้ถูกส่วน พร้อมกับ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างที่พูดถึงไปแล้วข้างต้น


อย่าเก็บปัญหาที่คุณกำลังเครียดอัดอั้นไว้กับตัว ลองปลดปล่อยมันออกมาด้วยการเล่าให้เพื่อนสนิทที่คุณไว้ใจได้สักคนฟัง ปรึกษาเพื่อนถึงปัญหาที่คุณเผชิญอยู่ การปลดปล่อยจะทำให้คุณรู้สึกสบายขึ้น แล้วสติปัญญาแจ่มใสคิดแก้ไขสถานการณ์ก็จะเกิดตามมาไม่เชื่อลองดู
ผ่อนคลายจิตใจ ด้วยการหัวเราะเสียบ้าง การอยู่ท่ามกลางคนอารมณ์ดีจะช่วยคุณได้มากในเรื่องนี้ จะทำให้คุณคลายความเครียดได้ชะงัด ความคิดจะกลับมาแจ่มใส พร้อมหันหน้าสู้ปัญหาอย่างมีสติ
ให้เวลากับกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ ทำงานบ้าน ฯลฯ จะเป็นวิธีผ่อนคลายความเครียดที่ดีอีกวิธีหนึ่ง ทั้งยังให้คุณมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากปัญหาเดิมๆ เหล่านั้นด้วย เผลอๆ จะช่วยคุณมีทางออกให้กับปัญหาแบบไม่รู้ตัว
   
              ที่สำคัญที่สุดคือการอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด

รู้ไว้ นิสัย 10 อย่าง ที่ทำให้สมองพัง

                 ต้นเหตุของสมองเสื่อม ความจำสั้น อัลไซเมอร์สมอง คืออวัยวะสำคัญ มีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น
                 หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรับรู้ อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ แต่คนเรามักไม่รู้ตัวเองว่าพฤติกรรมบางอย่างที่กระทำลงไป นอกจากจะเป็นการทำร้ายร่างกายไม่พอยังทำร้ายสมองด้วยเช่น
1.ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม
2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น
3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4. ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง
5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง
6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้
7. นอนคลุมโปง การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว
9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ
10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง
                 รู้หรือยังว่าสมองมีความสำคัญมากแค่ไหน ดังนั่นเราควรที่จะหันมาบำรุงสมองแทนการทำร้ายสมองกันดีกว่ามั้ย

วันศุกร์, กันยายน 04, 2552

ค้นหาไพ่ทาโรต์ประจำตัว

วิธีค้นหาไพ่ประจำตัวง่าย ๆ ดังนี้

1. บวกเลขวันเดือนปีเกิดของคุณเข้าด้วยกัน เช่น : 4 ตุลาคม 1981  = 4+10+1981=1995
2. นำผลลัพธ์มาบวกเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น : 1+9+9+5=24
3. ลดตัวเลขโดยการบวกเข้าด้วยกันอีกครั้ง ซึ่งคุณน่าจะได้ตัวเลขที่น้อยกว่า 10 ตัวอย่างเช่น : 2+4=6 ก็จะได้ไพ่ The Lovers แต่ถ้าในกรณีที่คุณบวกตัวเลขในขั้นตอนนี้ได้เท่ากับ 10 และวันเกิดของคุณเป็นเลขคี่ ก็ลดให้เป็นเลขหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยให้เป็นเลข 10 อยู่อย่างนั้น
ความหมาย

1. The Magician
คนที่ได้ไพ่ The Magician หรือผู้วิเศษเป็นไพ่ประจำตัว เป็นคนที่กุมชะตาชีวิตตัวเองเอาไว้ในมือพวกเขาไม่กลัวที่จะลงมือทำและสามารถไปถึงเป้าหมายในโลกใบนี้ได้ด้วยพลังความมุ่งมั่นผสานกับแรง บันดาลใจผู้วิเศษมีพรสวรรค์ในการล่วงรู้อะไรได้เป็นพิเศษและสามารถใช้พลังจักรวาลทั้งในทางสร้างสรรค์และตา มความเป็นจริงบ่อยครั้งที่เราพบว่าผู้วิเศษสามารถทำอะไรได้อย่างมหัศจรรย์ถ้าไพ่ใบนี้เป็นไพ่นำโชคของคุณคุณก็สามารถจะทำอะไรได้อย่างนั้น เหมือนกันถ้าคุณ ตั้งใจ ทุ่มเท และเด็ดเดี่ยวคุณสามารถมองข้ามสิ่งที่จะทำให้ไขว้เขวได้และจะทุ่มเทความสนใจให้ภารกิจที่อยู่ในมืออย่างจริงจังคุณมีอิทธิพลอย่างมากต่อคนอื่นซึ่งมักรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาเมื่อมีคุณอยู่ด้วย ความท้าทายของคุณก็คือ การเรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตความสามารถที่มีอยู่หลากหลายของคุณอาจนำคุณไปหลายทิศทางด้วยกันและคุณอาจเจียดเวลาให้แต่ละเรื่องได้น้อยเกินไป ในเรื่องของความสัมพันธ์คุณมักถูกดึงดูดเข้าหาคนที่เป็นเสมือนอีกครึ่งหนึ่งของคุณตามธรรมชาตินั้นก็คือ The High Priestess หรือนักบวชผู้ลึกลับนั่นเอง ส่วนในเรื่องการงานและเพื่อนฝูงคุณจะไปได้ดีกับผู้ที่มีไพ่ The Chariot หรือ ไพ่ม้าศึกเป็นไพ่ประจำตัว ถ้าคุณหยุดเอาชนะซึ่งกันและกันได้ผู้ที่ถือไพ่ม้าศึกนี้ก็มีโอกาสเป็นคนรักที่ยอดเยี่ยมของคุณได้ ความเป็นคนสร้างสรรค์ของคุณหมายความว่าคุณประทับใจความเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งของถ้าคุณหยุดเอาชนะซึ่งกันและกันได้ผู้ที่ถือไพ่ม้ าศึกนี้ก็มีโอกาสเป็นคนรักที่ยอด เยี่ยมของคุณได้ ความเป็นคนสร้างสรรค์ของคุณหมายความว่าคุณประทับใจความเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งของ The Hermit หรือ ฤาษีและคุณอาจตกหลุมรักผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ The Lover หรือคู่รักอย่างหัวปักหัวปำ
2. The High Priestess
หรือนักบวชเป็นตัวแทนความลึกลับและซับซ้อนของจิตใจผู้หญิง ถ้าคุณได้ไพ่ใบนี้เป็นไพ่ประจำตัวคุณเป็นคนที่มีลางสังหรณ์และอ่อนไหวได้งายโดยมีสัญชาตญาณอันแรงกล้าอยู่ในตัวตามธรรมชาติ คุณมักใช้ลางบอกเหตุเสียงกระซิบจากข้างใน และข้อมูลในความฝันเป็นเครื่องนำทางชีวิต นักบวชสามารถดึงความลึกลับซับซ้อนในสถานการณ์หรือผู้คนออกมาได้จึงสามารถล่วงรู้ศักยภาพและความสามารถที่ซ่อนเร้นของคนอื่นได้เป็นอย่างดี คุณยอมรับวิธีการและความเห็นที่แตกต่างกัน และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะถอยหลังแล้วปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปโดยไม่ต้องเข้าไปก้าวก่าย สิ่งที่ยากสำหรับคุณคือการทำอะไรอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อดึงความสามารถและพรสวรรค์ออกมาใช้พยายามต่อสู้กับนิสัยที่ชอบจมปลักอยู่ในโลกส่วนตัว แต่อย่าไปผูกติดกับคนอื่นมากนักไพ่ใบอื่น ๆ อีกหลายใบอยากจะเข้ามาสำรวจความลึกลับของนักบวชแต่เพื่อนคู่คิดตามธรรมชาติของคุณคือ ผู้วิเศษถ้ารวมตัวกันเมื่อไหร่ก็เปรียบ เหมือนหยินกับหยางของพลังความสร้างสรรค์นั่นแหละ จงระวังผู้ควบม้าศึกที่ทะเยอทะยานเอาไว้ให้ดี เพราะเขาอาจจะเดินหน้าต่อไปเมื่อเอาชนะใจคุณได้แล้ว พระราชาคณะ The Hierophant ผู้ซื่อสัตย์จะเป็นคู่รักหรือเพื่อนที่แคร์คุณ และคุณจะหลงรักฤาษี The Hermit ที่มีความคิดลึกซึ้ง แต่คุณสองคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำให้สำเร็จและคุมักจะต้องเผลอใจ เข้าไปผูกติดกับจักรพรรดิ Emperor ผู้อบอุ่นด้วย
3. The Empress
หรือจักรพรรดินีเป็นแบบฉบับของผู้เป็นแม่ในอุดมคติ คือมั่นคง เต็มไปด้วยความรัก และพร้อมจะให้กำเนิดลูก สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอสามารถเติบโตเติบใหญ่ และ พัฒนาไปได้เธอเป็นตัวแทนของธรรมชาติและความรู้สึกและมีความสามารถในการสร้างสรรค์และเลี้ยงดูชีวิต ผู้ที่ได้ไพ่จักรพรรดินีเป็นไพ่ประจำตัวจะอยู่ในโลกของความรู้สึกและชอบสนุกกับกิจกรรมที่ใช้กำลังกาย และการใช้ชีวิตกลางแจ้งคุณให้ความสำคัญกับเนื้อห ? ังมังสาและประสาทสัมผัสคุณจึงหลงให ลต่อความสุขและความสวยงาม และซาบซึ้งกับสิ่งที่ละเอียดอ่อนในชีวิตคุณเป็นคนใจดี เปิดกว้างและมักจะมีความคิดริเริ่มสูง คุณรู้สึกผูกพันกับสรรพสิ่งบนโลกอย่างลึกซึ้งพร้อมทั้งให้ความเห็นอกเห็นใจและความห่วงใยอย่างเต็มที่คุณเป็นคนกระฉับกระเฉงโดยธรรมชาติ จึงคบหาแต่เพื่อนดีๆและชอบความสะดวกสบายอย่างยิ่ง จักรพรรดินีอาจมีนิสัยที่ชอบแสดงออกจึงควรเรียนรู้ที่จะยับยั้งตนเองไว้บ้าง ไม่ใช่ทำอะไรตามใจตัวเอง > ไปซะหมด ด้วยธรรมชาติที่ไม่ชอบตัดสินใคร คุณจึงเป็นที่นิยมชมชอบของไพ่ทุกใบแต่คุณจะให้ความสนใจกับคนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์วงล้อแห่งโชคชะตา Wheel of Fortune และ ผู้พิพากษา Justice เป็นพิเศษเพราะคุณทั้งสามคนชื่นชอบธรรมชาติและวงจรหรือ ไพ่ม้าศึกเป็นไพ่ประจำตัว ถ้าคุณหยุดเอาชนะซึ่งกันและกันได้ ผู้ที่ถือไพ่ม้าศึกนี้ก็มีโอกาสเป็นคนรักที่ยอดเยื่ยมของคุณได้ ความเป็นคนสร้างสรรค์ของคุณหมายความว่า คุณประทับใจความเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งของ The Hermit หรือ ฤาษีและคุณอาจตกหลุมรักผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ The Lover หรือคู่รักอย่างหัวปักหัวปำ
4. The Emperor & nbsp
หรือจักรพรรดิเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพ่อ ผู้สามารถกำหนดแบบแผนและอำนาจขึ้นมาได้ ถ้าจักรพรรดิคือไพ่ประจำตัวคุณ คุณก็จะดูมีอำนาจและเด็ดเดี่ยว คุณสร้างระเบียบขึ้นมาจากความวุ่นวาย และสามารถให้คำแนะนำและแนวทางแก่คนอื่นๆ ได้คุณมักจะเป็นเกราะกำบังให้กับคนที่อ่อนแอพร้อมทั้งคอยปกป้องอุดมการณ์และประเพณี ที ่คุณรู้สึกว่าควรอนุรักษ์ให้ยืนยาวต่อไป คุณมีความสุขในการดูแลกฎและข้อบังคับที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสม คุณเป็นคนที่ดูมีอำนาจและมีความเป็นผู้นำคนอื่น ๆ มักหันมามองคุณเพื่อกำหนดแนวทาง และคุณก็สามารถเป็นที่พี่งให้ได้เสมอ ในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ คุณอาจจะมั่นใจเกินไปในการสร้างกฎและข้อปฏิบัติ ฉะนั้น สิ่งสำคัญสำหรับคุณก็คือ เปิดใจให้กว้างสำหรับความคิดที่แตกต่างกันและคอยระวังเรื่องความเข้มงวดและความดื้อดึงเอาไว้นิสัยชอบปกป้องของคุณจะดึงคุณไปหาคนที่อ่อนแอกว่าอย่างนักบวช ซึ่งเป็นคนที่คุณอยากแนะแนวทางและคอยปกป้องให้ ถ้าคุณสามารถทนต่อความใจกว้าง และสไตล์สบาย ๆ ของเธอได้ล่ะก็ จักรพรรดินีจะเข้ากับคุณได้อย่างดีมาก ผู้พิพากษาผู้มีเหตุผล และพระราชาคณะผู้ซื่อสัตย์ คือคู่ควงที่ดีสำหรับคุณแต่คุณอาจต้อ งต่อสู้กับการทำตามอำเภอใจของผู้วิเศษและม้าศึกการควงคู่กับคนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์คู่รัก Lover นั้น อาจทำ ให้คุณต้องผิดหวังได้
5. The Hierophant
หรือพระราชาคณะเป็นตัวแทนของผู้มีความเชื่ออย่างแท้จริง คุณจะมองหาหนทางและอุดมการณ์ ใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง ที่คุณจะคอยช่วยเหลืออย่างซื่อสัตย์ คุณชอบทำงานเป็นทีม และมีชีวิตอยู่ได้ด้วยระบบความเชื่อที่มีแบบแผนคุณมีความสนใจในการใฝ่หาความรู้ และมีแนวโน้มที่จะทำตัวเป็นนักเรียนไปตลอดชีวิต คุณอาจจะให้ความสำคัญกับประเพณีมากเป็นพิเศษ คุณชอบเรียนรู้และยึกหลักของชีวิตที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าและมักรู้เรื่องอะไรเป็นอะไรอยู่เสมอ ดังนั้น ความศรัทธาของคุณจึงมักจะไม่ค่อยผิดที่ผิดทางคุณเป็นคนจงรักภักดีและมีความสุขที่สุด ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือทีมคุณชอบความรู้สึกของการเป็นเจ้าของ และให้ความเคารพต่อพิธีกรรมและพิธีการ ถ้าพระราชาคณะคือไพ่ประจำตัวคุณ คุณก็อาจจำเป็นต้องทะลายความคิดตามแบบแผนของคุณในบางครั้ง แล้วทำอะไรบ้า ๆ หรือคาดเดาไม่ได้บ้าง ในขณะที่คุณมีความจงรักภักดีต่อคนอื่นติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิดคุณก ็ควรรู้จักด้วยว่า เมื่อใดที่ควรเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และ เมื่อไหร่ที่ควรจะทำโดยลำพังพระราชาคณะจะต้องการความมั่นคงมาก จักรพรรดิจึงเหมาะกับคุณมากที่สุด การเชิดชูประเพณีและยึดถืออุดมการณ์ของคุณจะทำให้ทั้งนักบวชผู้อ่อนโยน และผู้พิพากษาผู้มีใจเที่ยงธรรมรู้สึกนับถือในตัวคุณโดยธรรมชาติแล้ว คุณมักจะถูกดึงเข้าไปหาความเป็นผู้นำของม้าศึกผู้ประสบความสำเร็จ และผู้วิเศษที่มีเสน่ห์
6. The Lovers
ถ้าคุณได้ไพ่ The Lovers หรือคู่รักเป็นไพ่ประจำตัว คุณก็เป็นคนที่ลึกซึ้งอย่างสูง คุณเป็นคนเอาจริงเอาจังและมีพลังผลักดันคุณจึงใส่ใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ของคุณจะใช้ความเร่าร้อนรุนแรงเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ความสะดวกสบาย คุณอาจจะทำตามอุดมการณ์และหลักการอย่างเคร่งครัด และใช้ความมานะพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพราะเป็นคนที่อยากจะเมินเฉยหรอก แต่คุณรู้ดีว่าคุณยืนอยู่ตรงไหนในเรื่องอะไรก็ตาม อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งคุณมักตั้งข้อสงสัยกับความเชื่อที่ได้รับการยอมรับกันมา และยึดมั่นกับหลักการและปรัชญาของตัวคุณเอง คุณต้องหางานที่ทำให้คุณพอใจได้ในหลาย ๆ ร ะดับและมีรางวัลให้แก่ความทุ่มเทและความกระตือรือร้นของคุณสิ่งท้าทายสำหรับผู้ที่ถือไพ่คู่รักนี้ก็คือ การสร้างสมดุลระหว่างการคิดอย่างมีเหตุมีผล กับการใช้สัญชาตญาณ และความรู้สึกในการสร้างสัมพันธ์รักให้ยืนยาวนั้น คุณต้องควบคุมตัวเองอย่าให้ไปตกหลุมรักใครง่ายนัก คุณคือยอดปรารถนาของไพ่ทุกใบ ใคร ๆ ต่างถูกดึงดูดมาด้วยเสน่ห์ของคุณแถมแรงดึงดูดทางเพศที่เห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ถือไพ่ผู้วิเศษจะอยากควงคู่กับคุณเหลือเกิน ส่วนผู้ขับรถม้าศึกก็อยากจะเอาอกเอาใจคุณจนตัวสั่นแม้แต่จักรพรรดิผู้เข้มงวดก็ยังยอมตายเพื่อคุณได้ แต่ควรระวังถ้าคุณเกิดไปควงแขนกับคนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์เดียวกับคุณคู่รักสองคนจะทำให้การครองคู่มีแต่เรื่องปวดหัวและไม่มั่นคง ส่วนพระราชาคณะผู้ยึดติดกับแบบแผนก็ไปกันไม่ได้กับคุณ แต่คุณควรให้โอกาสแก่ผู้พิพากษาบ้าง มีอะไรหลายอย่างที่คุณสามารถเรียนรู้จากเขาได้
7. The Chariot
ผู้ขับรถม้าศึกหรือ The Chariot จะดูแข็งแรงและอ่อนเยา ?? ์คนที่มีไพ่ม้าศึกเป็นไพ่ประจำตัว จะมี พลังงานและแรงผลักดันอย่างล้นเหลือคุณ ชอบความท้าทาย ชอบทำอะไร เสี่ยง ๆ แ ละเป็นนักแข่งขันโดยธรรมชาติ คุณชอบอะไรที่มั่นคงและตรงไปตรงมาและคุณจะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความบากบั่น ในขณะที่ดำเนินไปสู่จุดหมายที่วางไว้ ใคร ๆ จะมองว่าคุณใช้ชีวิตอย่างร้อนรน ชอบพัฒนาแผนการที่จะเอาชนะ และทำอะไรแปลก ๆ คุณไม่มีปัญหาในการใช้อำนา ?? หน้าที่ของตัวเอง และมักจะพิชิตการแข่งขันด้วยการข่มใจตัวเองอย่างมีเหตุผล คุณมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดและสามารถพลิกสถานการณ์ร้าย ๆ ให้กลายเป็นโอกาสดี ๆ ผู้ขับรถม้าศึกมักพยายามควบคุมจิตใจที่อ่อนโยนกว่า ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่มีอยู่ในตัว คุณจึงรู้จักอดทนและอ่อนน้อมถ่อมตน และอาจได้คิดว่าการเกลี้ยกล่อม และการแนะแนวทางแทนที่จะใช้อำนาจครอบงำคนอื่นนั้น จะทำให้เกิดผลดีกับทุกฝ่ายผู้ขับรถม้าศึกมักจะต้องตาต้องใจผู้ขับรถม้าศึกด้วยกันเองนี่อาจเป็นการจับคู่ที่ดี คือมีความเท่าเทียมกัน หรืออาจกลายเป็นการชิงดีชิงเด่น ระหว่างคู่แข่งขันที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันก็ได้ คุณจะยอมแพ้ราบคาบให้กับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์คู่รักและอาจไปด้วยกันได้ดีกับนักบวช ที่อยู่กันคนละขั้วเลย คุณไปด้วยกันไม่ได้กับผู้พิพากษาจอมหลักการ และมองว่าฤๅษีดูสงบนิ่งเกินไป พระราชาคณะอาจจะเป็ นเพื่อนหรือคนรักที่ดีสำหรับคุณถ้าคุณสามารถเป็นคนนำทีมได้
8. Justice
ถ้าคุณถือไพ่ Justice หรือผู้พิพากษาคุณ ก็มีความซื่อสัตย์ ยึดหลักจริยธรรม และให้ความนับถือต่อความยุติธรรมแล ะความซื่อสัตย์ คุณสามารถมองเรื่องต่างๆ ได้รอบด้าน ใช้หลักการทางศีลธรรมเป็นเครื่องช่วยในการตัดสินใจ และสามารถมองออกว่าคนไหนมีเหตุจูงใจอะไรให้ทำอย่างนั้น เมื่อถึงคราวต้องค้นหาประเด็นสำคัญ คุณมีสายตาแหลมคมที่สามารถมองออกว่า คนไหนที่เหมาะจะคบเป็นเพื่อนและแฟน และคุณเกลียดการโกหกหลอกลวงมาก คุณเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่า ชีวิตดำเนินไปตามมติของเสียงส่วนใหญ่ โดยที่เราทั้งหมดต้องคอยทำตามหลักการของเหตุและผลคุณหลีกเลี่ยงการทำอะไรแบบสุดโด่ง แต่จะเลือกเดินทางสายกลางมากกว่า คุณจะรับผิดชอบต่อการกระทำของคุณ และก็หวังให้คนอ ื่นทำแบบเดียวกัน ถ้าผู้พิพาษาคือไพ่ประจำตัวของคุณ คุณก็อาจมีแนวโน้มจะมองเรื่องอะไรเป็นสีขาวและดำเท่านั้น ความท้าทายของคุณจะเป็นเรื่องการให้อภัยต่อข้อบกพร่องของคนอื่น และรู้จักตัดสินอะไรให้นุ่มนวลขึ้น คุณชอบเป็นเพื่อนกับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ฤๅษีหรือนักบว ช ส่วนในเรื่องความรัก ผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์คู่รักจะมีอะไรมาสั่งสอนคุณได้เยอะแยะ และเขาจะชื่นชมความซื่อสัตย์และความเที่ยงธรรมของคุณ คุณเข้ากันได้ดีกับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์วงล้อแห่งโชคชะตา แล้วหัวใจของคุณจะเบ่งบานขึ้นมาทันที ที่ได้ห็นจักรพรรดินีผู้ใจดีและมีเสน่ห์ชวนลุ่มหลง เราไม่แนะนำให้ผู้พิพากษาผู้ยึดถืออุดมการณ์ ควงคู่กับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ม้าศึก
9.The Hermit The Hermit
หรือฤาษีจะมีความรอบคอบ รู้แจ้งเห็นจริงอดทนและเข้าใจในความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ถ้าคุณได้ไพ่ฤาษีเป็นไพ่ประจำตัวหรือไพ่นำโชค คุณก็อาจจะดูเย็นชา เพราะนั่นคือวิธีประเมินสถานการณ์ ในแบบของคุณ คุณมักถูกเรียกว่า ' ยายแก่ ' บ่อย ๆ คุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองโดยการครุ่นคิด อ่านหนังสือ และพักผ่อน คุณคือที่ปรึกษาโดยกำเนิด และชอบแนะแนวทางให้กับคนที่มีพัฒนาการน้อยกว่าซึ่งจะเห็นว่าการที่คุณอยู่ด้วยช่วยทำให้มั่นใจ คุณสามารถให้คำแนะนำดี ๆ และมองปัญหาของคนอื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง คุณจะค้นหาคำตอบสำหรับคำถามยากในชีว ิตอย่างไม่มีวันหยุดพักฤาษีมีแนวโน้มที่จะชอบสันโดษ แต่ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จจากความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวล่ะก็ คุณต้องรู้จักโต้ตอบกับคนอื่นบ้างและต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปันพรสวรรค์และความรู้ของคุณฤาษีมีความอดทนต่อไพ่ทุกใบได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สำหรับมิตรภาพและสัมพันธ์รักที่ลึกซึ้งนั้น คุณก็จำเป็นต้องมีเพื่อนคู่คิด คุณไปกันได้ดีกับนักบวช และสามารถทนต่อความแรงสูงของผู้ที่เกิดภายใต้สัญ ?? ักษณ์วงล้อแห่งโชคชะตาได้ และคุณอาจพบว่าตัวเองสลัดความรักสันโดษทิ้งไป ผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ม้าศึกอาจดูเหมือนป่าเถื่อนกับคุณ และอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณในการไล่ตามผู้ถือไพ่วิเศษ
10.The Wheel of Fortune
ถ้า The Wheel of Fortune หรือวงล้อแห่งโชคชะตาคือไพ่ประจำตัวของคุณแล้วล่ะก็ คุณมีญาณพิเศษที่สามารถล่วงรู้ชะตากรรมของตนเองได้ คุณต้องเจออะไรหลายอย่างต่อหลายอย่างและเป็นไปได้ที่คุณต้องใช้วิชาการละครขั้นสูงในการเปลี่ยนตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่องคุณมีความเข้าว่าสิ่งต่างๆ นั้นเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรและสามารถมองออกถึงความสัมพันธ์ระห ว่างบุคคลกับเหตุการณ์ เสน่ห์ดึงดูดในตัวคุณคือความเป็นคนเก่ง การกระทำอะไรโดยสัญชาตญาณและการมองโลกในแง่ดี คุณมักจะได้มีโชคอยู่บ่อยๆ แต่นั่นเป็นเพราะการมองชีวิตแบบไม่เหมือนใคร และความสามารถในการเรียนรู้ จากเหตุการณ์ในอดีต มากกว่าจะเป็นโชคชะตาล้วนๆ สิ่งที่เป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่สุดก็คือ การไหลไปตามกระแสคุณควรรู้จักคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อความเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้นและอย่าต่อสู้กับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ครูที่ดีที่สุดของคุณคือ เหตุการณ์ที่ควรจดจำในชีวิตของคุณเอง ฉะนั้นก็สังเกตและเรียนรู้จากมันไว้ซะด้วยความเป็นคนเปิดกว้าง คุณจึงเข้ากันได้ดีกับทุกคน คุณสามารถดึงความสนใจจากผู้ถือไพ่ฤาษีได้ เข้าใจนิสัยระวังตัวของผู้พิพากษาคุยภาษาใจ  กับนักบวช แข่งขันกับม้าศึก และแบ่งบันความอุดมสมบูรณ์กับจักรพรรดินีได้ ส่วนในเรื่องความรักควรอยู่ ห่างจากผู้ถือไพ่จักรพรรดิเอาไว้ เพราะความต้องการความมั่งคงของเขาอาจส่งผลร้ายต่อความต้องการเปลี่ยน