วันพฤหัสบดี, กันยายน 20, 2555

almond tulies cookies

ส่วนผสม
น้ำตาลทรายป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
ไข่ขาว 2 ฟอง
อัลมอนด์เอ็กซ์แทรค 1/2 ช้อนชา
แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
เนยเค็ม 1/3 ถ้วย
อัลมอนด์สไลด์สับ 1/4 ถ้วย

วอร์มเตาอบไว้ที่ 180C เลยนะคะ ไฟบนล่าง
แล้วก็เอาตะแกรงไว้ที่ชั้นล่างสุดค่ะ ^^


อันนี้ Almond Sliced ค่ะ ^o^


เอามาสับๆๆๆ ^^ เลยค่ะ
ไม่ชอบใคร ก็มาระบายอารมณ์กับ Almond เล้ยยย


แยกไข่ขาวให้เรียบร้อย แล้วให้ไปนอนรอในชามสแตนเลสเลยค่ะ !!


สิ่งที่ต้องผสมลงไปในไข่ขาว ก็คือเจ้านี่ค่ะ...
กลิ่นอัลมอนด์ หรือ Almond Extract นั่นเอง


ใส่ลงไปครึ่งช้อนชาค่ะ ^^


แล้วก็ใส่น้ำตาลลงไปค่ะ ^^


ตีผสมรวมกัน....


ตีจนตั้งยอดอ่อนก็พอค่ะ :D


ทีนี้ก็เอาแป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
เทลงไปเลยค่ะ :D


ตีด้วยความเร็วต่ำหรือความเร็วกลาง จนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี... ก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ


แล้วก็ค่อยๆ ใส่เนยลงไป ^^
พี่เกาลัดบอกว่าใส่ทีละ 1 ช้อนชา
แต่ว่า เนยแพรค่อยข้างนิ่ม แพรเลยตัดๆ แล้วแบ่งใส่ไปเลยค่า... ^o^ ใส่ไปปุ๊บก็ตีๆ ไปเรื่อยๆ ให้เข้ากันนะคะ


ตีเสร็จปุ๊บก็จะได้ส่วนผสมประมาณนี้ค่ะ สีเหลืองนวลขึ้นมานิดนึงเพราะใส่เนย ^o^

ทีนี้ ก็เอาพลาสติกมา wrap แล้วก็แช่ตู้เย็นไว้ซัก 20 นาทีค่ะ :D


พอเวลาผ่านไป 20 นาทีปุ๊บ

ก็เอากระดาษ parchment มาปูบนถาดที่จะใช้อบ
แล้วก็เอาช้อนละเลงส่วนผสมวนๆ เป็นวงกลม คล้ายๆ เวลาทำขนมเบื้องค่ะ ^^
อย่าบางมาก อย่าหนามาก ลองกะๆ เอานะคะ
ละเลงเสร็จปุ๊บ ก็เอาอัลมอนด์สับมาโรยๆ หน้า ส่งเข้าเตาอบประมาณ 6-8 นาทีค่ะ ^__^


จริงๆ ถ้าเกิดว่าจะถูกต้องตามต้นตำรับเลยเนี่ย
พออบเสร็จปุ๊บ ต้องรีบเอามาทำให้มันงอๆ ค่ะ ด้วยการแซะออกมาวางบนไม้นวดแป้งหรือกระป๋อง เพื่อให้ขนมโค้งตามรูปร่างของไม้นวดแป้งหรือกระป๋องนั้นๆ ^^



ที่มาและขอบคุณ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chocolate-republic&month=04-2006&date=12&group=6&gblog=15

Almond tulies cookies




อาทิตย์นี้เกิดอยากทำคุ้กกี้ขึ้นมาค่ะ ... คิดถึง Tuiles ซึ่งเป็นคุ้กกี้กรอบประเภท wafers อันหนึ่งเราชอบมาก วิธีทำและส่วนผสมก็ง่าย ๆ แต่วันนี้เกิดมีไอเดียมากมายในการทำคุกกี้นี้ให้มีความหลากหลาย ก็ศึกษาจากหนังสือหลาย ๆ เล่มนะคะ แล้วก็นำมาออกแบบตามจินตนาการของตัวเองด้วย ...คุ้กกี้ประเภทนี้นิยมนำไปประดับถ้วยไอศครีม หรือขนมหวานประเภทอื่น ๆ ด้วยค่ะ







มาดูวิธีทำการนะคะ ....

สูตรได้จาก Good Housekeeping – Step-by-Step Cook Book
ประยุกต์จากสูตรการทำ Anise Wafers ค่ะ

จากที่อ่านดู การทำ Tuiles จะมีทั้งด้วยวิธีการละลายเนย ไม่พักตัวแบทเทอร์ กับวิธีไม่ละลายเนย แค่ทำให้อ่อนตัว และพักแบทเทอร์ไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชม. เราเลือกวิธีละลายเนย ไม่พักตัวแบทเทอร์ เพราะสะดวกดีกว่าค่ะ


ส่วนผสม




1. ไข่ขาว 3 ฟอง
2. น้ำตาลทรายป่น ¾ ถ้วย
3. แป้งสาลีอเนกประสงค์ ½ ถ้วย
4. เนยสด 6 ช้อนโต๊ะ หรือ 85 กรัม (ละลายพักไว้ให้เย็นค่ะ)
5. อัลมอนด์สกัด 1/8 ช้นชา - ไม่มีก็ใช้วนิลาสกัด ½ ช้อนนะคะ
6. เกลือ 1/4 ช้อนชา


อุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำ




วันนี้เราจะทำ Tuile Cookies แบบประยุกต์นิดหนึ่ง คือเราจะใช้ stencils รูปต่าง ๆ มาช่วยในการลงแบท
เทอร์ค่ะ แบบแท่งสีเหลี่ยม และผีเสื้อ เราทำเองด้วยแผ่นใส วิธีทำไปอ่านด้านล่างนะคะ ถ้าไม่อยากทำเอง
ก็ประยุกต์เอา ถาดทาร์ตเล็ก ๆ ที่ถอดก้นได้ มาทำเป็น stencil สำหรับเกลี่ยแบทเทอร์ก็ได้ อุปกรณ์ที่จำเป็นอีกอย่าง ที่เราคิดช่วยได้เรามาก ๆ ก็คือการ์ดนะคะ การ์ดจะช่วยเกลี่ยแบทเทอร์ให้เรียบเสมอกันได้ง่ายกว่าอุปกรณ์อื่น ๆ ในความคิดเห็นของเรานะคะ ...


นอกจากนี้ ก็จะมีพายยาง (ไม่มีในรูป) เอาไว้ตักแบทเทอร์ สแป๊ตทูล่า เอาไว้แซะคุกกี้ออกจากพิมพ์
หลังจากอบ ... ความจริง เราเอามือหยิบชิ้นคุ้กกี้ออกจากถาดเลยก็ได้ แต่จะค่อนข้างร้อนค่ะ ....


วิธีทำ

1. ทาเนยบาง ๆ บนถาดที่จะใช้ให้ทั่ว (ต้องทานะคะ ไม่งั้นคุ้กกี้จะพิมพ์ ยกเว้นถ้าใช้ Silpat รองก็ไม่ต้องทา) เนื่องจาก Tuiles ต้องแบ่งอบหลาย ๆ ครั้ง ควรจะมีถาดสำรองไว้ซัก 3 ถาด ก็จะดีค่ะ จะได้ประหยัดเวลาในการทำ … เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 350 F (180 C) นะคะ … ถ้าไฟเตาอบใครแรง เวลาอบค่อยลดลงมา 325 F (160 C) ค่ะ




2. ตีไข่ขาว น้ำตาลทรายป่น เนยละลาย อัลมอนด์หรือวนิลาสกัด เกลือ ให้เข้ากันดี เราใช้ตะกร้อมือค่ะ
ตีเร็ว ๆ ออกแรงนิด ๆ นะคะ ไม่ควรใช้เวลาเกิน 1 นาที




ได้ประมาณนี้ค่ะ




3. เสร็จแล้วก็ร่อนแป้งลงผสม (จะไม่ร่อนก็ได้ค่ะ ทำมาแล้ว ได้ผลเหมือนกัน) คนส่วนผสมให้เข้ากัน ประมาณ 30 วินาที




4. จะได้แบทเทอร์ข้นหน่อย ๆ ประมาณนี้ค่ะ …


พอเสร็จขั้นตอนนี้ หากไม่ต้องการทำเป็นแบบแฟนซีหรือรสพิเศษใด ๆ ก็นำแบทเทอร์ไปไปหยอดบนพิมพ์ที่เตรียมไว้นะคะ ตักครั้งละ 1 ช้อนชาพอ แล้วก็ใช้หลังช้อน หรือสแป๊ตทูล่าเล็ก (Off Set) เกลี่ยแบทเทอร์ให้เรียบเสมอกัน เพื่อเวลาอบเนื้อขนมจะได้มีสีเสมอกันค่ะ .... กรณีจะพับคุ้กกี้ แบบ Tuiles ทั่วไป รือเอาไปทาบให้โค้งกับไม้พิน ก็ให้หยอดครั้งละ 4 ชิ้นพอนะคะ .... เดี๋ยวจะพับไม่ทัน ... ขนมจะแข็งตัวเสียก่อน แต่ถ้าไม่พับ ก็สามารถอบหลาย ๆ ชิ้นเหมือนคุ้กกี้ทั่วไปได้เลยค่ะ เราไม่มีรูปให้ชม เพราะทำเป็นแบบอื่น


ใครเตาอบแรงอย่าลืมลดอุณภูมิให้เหลือ 325 F (160 C) นะคะ ....เวลาอบประมาณ 5 - 7 นาที

วิธีทำเพิ่มเติม ….




หากต้องการคุ้กกี้เป็นรสงา ก็เอาผสมหลังจากวิธีทำข้อ 4 ข้างต้นนะคะ ทั้งสูตร เราใช้งาดำ ¼ ถ้วย
งาขาว 1/8 ถ้วยค่ะ .... คนผสมพอให้เข้ากันค่ะ อย่าคนนาน ...




เพื่อความสะดวกรวดเร็ว เราใช้ stencil นะคะ ตักแบทเทอร์ลงบนแบบ แล้วก็ใช้การ์ด หรือไพ่ เกลี่ยบาง ๆ เสมอกัน เพื่อเวลาสุก คุ้กกี้จะได้กรอบ ....เสร็จแล้วก็นำเข้าเตาอบประมาณ 5-7 นาที แล้วแต่เตาอบ และความชอบด้วยค่ะ ชอบแบบกรอบ ๆ มาก ๆ ก็อบนานหน่อย เราอบประมาณ 6 นาทีค่ะ




หน้าตาคุกกี้ที่ได้ เราต้องการให้กรอบมาก ๆ ก็อบจนได้สีประมาณ นี้ค่ะ ... เราไม่พับคุ้กกี้ ค่ะ เพราะมีขนาดค่อนข้างเล็กแล้ว ...



อันนี้ลองทำเป็นรสอัลมอนด์ ค่ะ.... ใช้อัลมอนด์สไลซ์โรยหลังจากเทแบทเทอรฺ์บนแผ่น stencil แล้ว
จะสับหรือไม่สับ โรยมากหรือน้อยก็แล้วแต่ค่ะ

--------------------------------------------------------------------------

ทีนี้ก็มาดูวิธีทำแบบแท่งเวเฟอร์กรอบแบบนี้ ….. เราทำ stencil เองค่ะ ทำจาก แผ่นใสแล้ววาดเป็นสี่เหลี่ยม (ด้วยปากกาล้างหมึกได้) ขนาด 2 x 3 นิ้ว แล้วใช้กรรไกรคม ๆ ขนาดเล็ก เจาะแล้วตัดตามรอยวาด
เสร็จแล้วก็เอาไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาใช้งาน ... อิอิ ...



เริ่มจากวางแบบที่เราทำ ลงบนถาดที่ทาเนยแล้ว (อย่าลืมทาเนยนะคะ ถ้าไม่ทาคุกกี้จะติดพิมพ์แน่นอนค่ะ) เกลี่ยแบทเทอร์ให้บาง ๆ ระดับเท่ากันค่ะ ทำครั้งละ 4 ชิ้นพอ เดี๋ยวม้วนไม่ทัน ... ขนมจะแข็งกรอบก่อน




เสร็จแล้วบีบลายเส้นที่ต้องการ จะเอาลายแบบไหน ตรงเฉียงก็ตามใจค่ะ เราใช้หัวบีบกลมเล็กสุดเลย ประมาณ 1.5 มม. (แบทเทอร์สี ได้จากการตักแบทเทอร์มาผสมสีเอาค่ะ ตักมาซักประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
ก็บีบสีลงไปซัก 1 หยดค่ะ)

อันนี้บีบลายเส้นช่วงแรก จะไม่ค่อยสวย พอฝึกไปซักระยะ ก็จะชำนาญมากขึ้นค่ะ




เอาเข้าเตาอบประมาณ 6 นาที เวลาเขาสุกได้ที่เนื้อเขาจะพอง ๆ แบบนี้ค่ะ …
อันนี้เป็นลายเส้นสีจากช็อคโกแลต

แบทเทอร์สีช็อคโกแลต ทำโดยตักแบทเทอร์มาซัก 4 ช้อนโต๊ะ แล้วเติมผงโกโก้ลงไปประมาณ 1+ 1/2 ช้อนชา คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน หากเนื้อแบทเทอร์เหนี่ยวไป เติมเนยละลายลงไปซัก 2 ช้อนชาค่ะ ... หากยังรู้สึกว่าเหนียว ก็อาจเติมเนยละลายเพิ่มอีกได้ ...




เสร็จแล้วก็รีบช้อนเอาขนมออกจากพิมพ์ มาพันกับแกนไม้กลม หรือแกนอย่างอื่นที่เราต้องการให้รูปร่างขนมออกมา ลงภาพสีสลับกันให้เวียนหัวเล่น อิอิ ….

--------------------------------------------------------------------------






บางท่านอาจสงสัยว่าเนื้อคุกกี้ดูไม่ไหม้เลย แล้วขนมจะกรอบเหรอ ... คำตอบคือกรอบค่ะกรอบ อิอิ ... เราใช้ พิมพ์อบแบบเสริมก้น ที่เขาเรียกว่า insulated bakeware หรือ airbake น่ะค่ะ เขาช่วยให้เราอบขนมได้สีเสมอกัน .... หน้าตาถาดคลิ้กไปดูตามนี้นะคะ หน้าตาธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่ก้นเขาจะหนา เป็นสองชั้น มีช่องอากาศด้วยประมาณนั้น

ถ้าใช้ถาดอบปกติ อาจมีขอบเป็นเป็นสีน้ำตาลด้วยนะคะ เราไม่ได้ทดลองค่ะ







--------------------------------------------------------------



แบบสุดท้ายค่ะ ผีเสื้อ ... เราใช้แผนใสทำเป็นแบบอีกเช่นเคย เริ่มจากวาดผีเสื้อบนแผ่นใสด้วยปากกาลบหมึกได้ เสร็จแล้วก็พับแผ่นใสให้รูปผีเสื้อทบกันครึ่งทาง แล้วก็ใช้กรรไกรเล็กตัดค่ะ ... แล้วนำแผ่นใสไปล้างให้สะอาด นำเอามาใช้งานได้ค่ะ ... ลายสีดำได้จากการตักเอาแบทเทอร์มาผสมกับผงโกโก้นะคะ

เวลาอบก็ประมาณ 5 - 7 นาทีเหมือนเดิม เมื่อเขาสุก เอาออกจากเตา ก็นำมาพับปีกให้โค้งขึ้นนิด ๆ นะคะ เราทำด้วยมือเลยค่ะ เสร็จแล้วก็พักให้เขาเย็น บนหลังถาดทำน้ำแข็ง หรือภาชนะอื่นที่มีช่อง ๆ น่ะค่ะ เสร็จแล้วก็เก็บเข้าขวดโหล ปิดฝาให้มิดชิด เพื่อรักษาความกรอบ ....





จะสังเกตุเห็นว่ามีลายระดับเข้ม ... ทดลองทำหลายสีเพราะ อยากรู้ด้วยว่าถ้าเราอบไม่เข้มมาก เขาจะยังกรอบมั้ย หลังจากสุกแล้ว (แบบขาวใช้ถาด พิเศษ insulated bakeware แบบสีเข้ม ใช้ถาดอบแบบทั่วไป)






ขนมนี้ เมื่ออบเสร็จ พอเขาเย็นตัวแล้ว ให้นำเก็บในขวดโหลที่มีฝาปิดสนิทเลยนะคะ คุ้กกี้จะได้กรอบตลอด ถ้าทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนาน ๆ ขนมจะกลับตัวไม่กรอบ ได้


ที่มาและขอบคุณ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tastypastry&month=18-11-2009&group=10&gblog=18

วันจันทร์, กันยายน 17, 2555

เค้กเนย


ส่วนผสม น้ำหนัก (กรัม) สูตรตวง   
แป้งเค้ก 380 4    ถ้วย
ผงฟู 12 4   ช้อนชา 
เกลือ 1.5 1/2    ช้อนชา
เนยสด 335 1 1/2   ถ้วย 
น้ำตาลทราย 350 1 3/4  ถ้วย 
ไข่ไก่ 300 6    ฟอง
นมสด 220 1    ถ้วย
วานิลา 7 2    ช้อนชา

 
ขั้นตอนการทำ (Directions)
 
 ร่อนแป้งแล้วตวงตามส่วน ผสมผงฟูร่อนรวมกันพักไว้
 ตีเนย เกลือ ให้ขึ้น ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลตีจนขึ้นขาว ใส่ไข่ทีละฟองตีให้เข้ากัน
 เติมแป้งลงในส่วนผสมที่ตีขึ้นแล้วสลับกับนม ใส่กลิ่นวานิลา
 เรียงกระทงกระดาษใส่พิมพ์ขนาด 2 นิ้ว ตักขนมหยอดประมาณ 3/4 ของกระทง
 เข้าอบอุณหภูมิ 180  ํ ซ. หรือ 350  ํ ฟ. เวลาประมาณ 20-25 นาที
 จนขนมเหลือง นำออกจากเตาพักให้เย็น

 
 ข้อเสนอแนะ (Suggestion)
 
 การเตรียมและการประกอบเค้กเนย ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
 ข้อแนะนำ เหมาะสำหรับการประกอบอาชีพ

ข้อควรระวัง
 ไม่ควรใช้เวลาในการผสมแป้งนานเกินไป จะทำให้แป้งเหนียว
 น้ำตาลทรายที่ใช้ควรเป็นชนิดเม็ดละเอียด
  ปริมาณ จำนวน 60 ชิ้น น้ำหนัก 35 กรัม
  ให้พลังงาน 76.28 แคลอรี่ และให้พลังงานทั้งหมด 4,577.15 แคลอรี่

 แนวคิดในการดัดแปลง เติมกลัวยตาก มะตูมเชื่อม ข้าวโพด แครอท จะได้เค็กผลไม้ชนิดต่างๆ

ที่มา&ขอบคุณ http://www.tipfood.com/2012GM/Bakery+[24]+เค้กเนย.html

กรุ๊ปเลือดกับอาหาร


เลือดกรุ๊ป โอ
บุคคลเลือดกรุ๊ปโอนั้น จะมีระบบย่อยเนื้อแดงที่ดีมากเพราะมีความเป็นกรดสูง ทำให้ย่อยเร็วและดูดซึมดี และสามารถให้ประโยชน์สูงสุดต่อส่วนต่างๆของร่างกาย

กรุ๊ปโอ เป็นกรุ๊ปเลือดที่มีวิตามินมากพอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะมีปัญหาบ้างที่จะเกี่ยวกับระบบ metabolism (การเผาผลาญเพื่อนำพลังงานไปใช้ในระบบร่างกาย) จึงควรรับประทานอาหารที่มีไวตามินบี เช่น เนื้อ ตับ เซี่ยงจี๊ ไข่ 5ฟอง/อาทิตย์ ผลไม้ ผักใบเขียวและถั่ว ซึ่งเป็นชนิดที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอ หรือเสริมด้วย ไวตามิน บี-คอมเพล็กซ์

คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ดังนั้นจึงต้องเสริมสร้างวิตามิน เค ให้เลือดกรุ๊ปนี้ด้วยรับประทานตับ ไข่แดง คะน้า สปินิช ผัก Swiss chard และควรหันมารับประทานแป้งสเปลท์แทนแป้งสาลี

และระบบย่อยของคนเลือดกรุ๊ปโอ ไม่รับแคลเซียมจากผลิตภัณฑ์นม จึงต้องหาแคลเซียมจากที่อื่นแทนซึ่งนั่นก็ได้แก่ ปลาซาร์ดีน หรือ ปลาแซลมอนกระป๋องทั้งก้าง บร็อคโคลี่ และผักcollard green
สำหรับเด็ก ที่อายุ 2-5 ขวบ และ 9-16 ขวบ รวมทั้งผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนอาจต้องเพิ่มแคลเซียมเสริม 600-1,100 มิลลิกรัม และเพื่อเป็นการป้องกันการอักเสบในส่วนต่างๆของร่างกายด้วย

อาหารอีกชนิดที่คนเลือดกรุ๊ปจะต้องรับประทานคือ อาหารทะเล เพราะอาหารทะเลนั้นจะให้ไอโอดีน เป็นการเพิ่มผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งจะช่วยทำให้ควบคุมน้ำหนักของคนเลือดกรุ๊ปนี้ให้คงที่ เพราะถ้าหากไทรอยด์ไม่คงที่จะทำให้อ้วนได้ง่าย

ผลไม้ที่รับประทานกับเลือดกรุ๊ปโอได้จะมีไม่กี่ชนิด เช่น พลับ พรุน และมะเดื่อ ผลไม้จำพวกนี้จะช่วยลดการละคายเคืองในกระเพาะอาหารได้

น้ำผลไม้ที่ดี คือ นำสับปะรด จะช่วยอุ้มน้ำของเซลในร่างกาย หรือน้ำแบลคเชอรี่ จัดว่าเป็นน้ำที่ดีกับเลือดกรุ๊ปโอมาก เพราะเป็น High alkaline juice ทำให้ลดการระคายเคืองของกระเพาะ

ส่วนถ้าเป็นการดื่มชาสมุนไพรนั้นก็มีชาบางชนิดที่เสริมกับกรุ๊ปเลือดได้ดี เช่น Licoria ช่วยในเรื่องของกระเพาะ ,Peppermint,Parsley,Rosehips,Sarsaparilla ช่วยลดความเครียด เป็นต้น
เลือดกรุ๊ป เอ
กรุ๊ปนี้จะเป็นกรุ๊ปทีมีความแตกต่างจากรุ๊ปโอ โดยสิ้นเชิง เพราะประชากรกรุ๊ปเอ นั้นจัดว่าเป็นพวกมังสวิรัติ ซึ่งมาจากระบบย่อยเป็นเหตุ

คนเลือดกรุ๊ปเอ จึงควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ถ้าต้องการรับประทานเนื้อก็ให้เลือกที่จะรับประทานเนื้อไก่แทน เพราะไม่มัน

ควรระวังอาหารสำเร็จรูป เช่นไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรท์ ซึ่งกระตุ้นการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร อีกทั้งคนเลือดกรุ๊ปเอจะมีกรดในกระเพาะต่ำ

และเพื่อเป็นการต่อต้านมะเร็ง คนเลือดกรุ๊ปเอ จึงควรรับประทานวิตามิน ซี เพิ่มซึ่งเป็น antioxidants ช่วยในเรื่องของกรดในกระเพาะต่ำ ส่วนในอาหารจะได้วิตามินซี จาก บร็อคโคลี่ผลไม้พวกเบอรี่ เกรฟฟรุต หรือส้มโอ สับปะรด เชอรี่และมะนาวฝรั่ง

นอกจากนี้ยังควรที่จะรับประทานอาหารที่มีวิตามินอี สูง เพื่อป้องกันทั้งโรคหัวใจและมะเร็ง วิตามินอีนี้จะมีอยู่ในน้ำมันพืช ธัญพืช ถั่งลิสงและผักใบเขียว รวมถึงควรรับประทาน อาหารเพื่อสร้างระบบคุ้มกันด้วย ซึ่งอาหารพวกนี้จะเป็นอาหารที่มีวิตามิน บี มากๆเช่น ธัญพืชขัดสี ปลา และไข่

ส่วนเรื่องของแคลเซียมนั้น ถ้าเป็นการดื่มนม คนเลือดกรุ๊ปเอ ไม่ค่อยจะเหมาะกับการดื่มนมซักเท่าไหร่ แต่ก็ยังดื่มได้มากกว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ แคลเซียมที่เลือดกรุ๊ปเอจะได้นั้น ส่วนใหญ่มาจากโยเกิร์ตไขมันต่ำ นมถั่วเหลือง ไข่ นมแพะ ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีนทั้งก้าง(กระป๋อง) บร็อคโคลี่และสปินิช

การไม่กินเนื้อสัตว์ของคนเลือดกรุ๊ปเอ จะทำให้ขาดธาตุเหล็กจึงควรรับประทานข้างกล้อง ถั่วมะเดื่อ และน้ำตาลโมแลสซิส(สีดำที่เอามาทำซีอิ๊วดำหวาน) ประกอบด้วย

กรุ๊ปเอ ควรรับประทานผลไม้วันละ 3 เวลา ควรเน้นไปที่ Alkaline fruit เช่นแบรี่และผลพลัม (ผลไม้ที่มีความเป็นกลางของกรด) จะช่วยความเป็นกลางในการสร้างกรดในกล้ามเนื้อ ควรเลี่ยงแตงโม แคนตาลูป และผลไม้เมืองร้อนเช่น มะม่วง มะละกอ กล้วย เพราะทำให้อาหารไม่ย่อย สับปะรด ส้มโอ มะนาวจะช่วยย่อยดีมาก รวมถึงมะนาวยังจะช่วยละลายเสมหะในระบบของเลือดกรุ๊ปเอ ดังนั้นทุกเช้าควรดื่มน้ำอุ่นที่ผสมมะนาวครึ่งลูก

เลือดกรุ๊ปบี

คนเลือดกรุ๊ปนี้จัดอยู่ในพวกสมดุล เพราะเป็นเลือดเพียงกรุ๊ปเดียวที่สามารถรับประทานอาหารนม เนย ไข่ ได้อย่างเต็มที่

แต่โปรตีนชนิดที่เลือดกรุ๊ปบี รับประทานแล้วเป็นผลร้ายมากที่สุดคือ ไก่ Lectin ในเนื้ออกไก่จะรบกวนระบบและนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกหรือตีบในสมอง รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรรับประทานไก่งวงแทน

คนเลือดกรุ๊ปบี ควรจะรับประทานปลาน้ำลึก เช่นปลาหิมะ และปลาเนื้อขาว เช่น ปลาจะระเม็ด ปลาตาเดียว

ร่างกายของเลือดกรุ๊ปบีจะตอบสนองต่อน้ำมันโอลีฟดีมาก ควรทานไม่น้อยกว่าวันละ 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนข้าวโอ๊ตกับข้าวกล้องนั้นจะมีประโยชน์ต่อกรุ๊ปบีเช่นเดียวกัน

ถั่วต่างๆไม่ดีนักต่อเลือดกรุ๊ปบี โดยเฉพาะถั่วลิสง งา และเม็ดทานตะวัน ซึ่งมี Lectinที่รบกวนระบบสร้างอินซูริน สิ่งนี้มีผลร้ายทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้มากในคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้

ถั่วแดงหลวง Lima,Navy และถั่วเหลืองทานได้แต่อย่ามากนัก เพราะพืชตระกูลถั่วและนัท อื่นๆ จะมีแนวโน้มทำให้เกิดโรค น้ำตาลในเลือดลดกะทันหัน

คนเลือดกรุ๊ปบีสามารถเลือกรับประทานผักได้เกือบทั้งหมด เว้นอยู่ไม่กี่ชนิดเช่น มะเขือเทศ ข้าวโพด เลือดกรุ๊ปบีนั้น มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับไวรัสและภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรรับประทานผักใบเขียวมากๆเพราะมีแมกนีเซียมซึ่งช่วยป้องกันโรคผื่นคันในเด็ก ส่วนผลไม้นั้นก็สามารถรับประทานได้แทบทุกชนิด เพราะมีระบบย่อยที่สมดุล มีเพียงลูกพลับ ทับทิม และลูกแพร์ที่ควรเลี่ยง คนเลือดกรุ๊ปบีควรรับประทานผลไม้ที่มีผลต่อเลือด 2-3 ครั้งต่อวัน จะไห้ผลดีในการรักษาโรคและลดความเจ็บป่วยด้วย


เลือดกรุ๊ป เอบี
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพดีเยี่ยมของเลือดกรุ๊ปนี้ค่อนข้างจะซับซ้อน เพราะเป็นส่วนผสมของทั้งกรุ๊ปเลือด เอ และบี อาหารที่ดีต่อกรุ๊ป เอ และบี ก็ดีต่อ กรุ๊ปเอบี ด้วย แต่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารต้องห้ามอย่างจริงจัง อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์นมและไข่ รับประทานได้แต่ไม่มาก โปรตีนที่เหมาะสมจะได้จากอาหารทะเล เต้าหู้ เนื้อแดง แกะ กวาง และกระต่าย ซึ่งควรรับประทานครั้งละน้อยๆจึงจะย่อยได้ดี เพราะกระเพาะของคนเลือดกรุ๊ป เอบี ไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรตีนที่มากเกินไป

ไม่ควรรับประทานปลาเนื้อขาวและแซลมอนรมควัน ควรรับประทานหอยทากเพราะมี Lectin ที่ต้านมะเร็งเต้านม แม้เลือดกรุ๊ปเอบี จะรับประทาน นม เนย ไข่ ได้คล้ายกรุ๊ปบี แต่โยเกิร์ตและครีมเปรี้ยวจะย่อยได้ง่ายกว่า หากมีเสมหะและมีปัญหาไซนัสอักเสบและหูอื้อ ควรงดอาหารที่ผลิตจาก นม เนย ไข่

ไข่ เป็นแหล่งอาหารที่ดีต่อเลือดกรุ๊ปนี้ แต่ควรใช้ประกอบอาหารในอัตราส่วน ไข่ขาว2ฟองต่อ ไข่แดง 1 ฟอง

ส่วนน้ำมันนั้นควรจะใช้นำมันมะกอกอย่างเดียว เพราะเป็นน้ำมันเพียงชนิดเดียวที่ให้ผลดีกับเลือดกรุ๊ปเอบี

ถั่ว กับเลือดกรุ๊ปเอบีนั้น มีเพียงสามชนิดที่ให้คุณ ซึ่งได้แก่ ถั่งลิสง จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน แต่ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ก็ไม่ควรรับประทานถั่วเม็ด แต่ให้เปลี่ยนเป็นเนยถั่ว ถั่วชนิดที่สองและสามคือ ถั่วเลนทิลและถั่วเหลือง เพราะเป็นอาหารป้องกันมะเร็งที่สำคัญมาต่อกรุ๊ปเลือด เอบี

อาหารประเภทข้าวและแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต และข้าวไรย์ มีประโยชน์แต่ระวังการรับประทานอาหารประเภทแป้งข้าวโพด หากต้องการลดเสมหะควรรับประทานไม่เกิน 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

คนเลือดกรุ๊ป เอบี จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ จึงควรรับประทานผักสดมากๆเพราะเป็นอาหารสำคัญในการป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดได้ง่ายในกรุ๊ปเอบี

ส่วนเรื่องของผลไม้นั้น คนเลือดกรุ๊ปนี้จะสามารถรับประทานผลไม้ได้ดีเพียงบางอย่าง เช่น องุ่น พลัม และแบรี่ เพราะเป็นผลไม้ที่มีกรดเป็นกลาง ช่วยสร้างความสมดุลให้เนื้อเยื่อ อันเนื่องมาจากการบริโภคแป้งและข้าว...
 

Lava Muffin

สำหรับคนที่ชื่นชอบ chocolate เป็นทุนเดิม หาไอศครีมวานิลลามากินคู่กัน เพลิดเพลินเจริญใจไม่น้อยค่ะ
ทำหลายรอบแล้วค่ะ ถ้าจะให้ขนมสวยต้องถ้วยทรงสูงหน่อย ถ้าใช้ถ้วยที่ไม่สูง ขนมสุกแล้วเมื่อคว่ำมาจะแบน ๆ ไม่เหมือนภูเขานะคะ

ที่มาสูตร http://www.foodnetwork.com/recipes/alton-brown/chocolate-lava-muffins-recipe2/index.html

แต่มีการปรับไปเล็กน้อยตาม chocolate ที่มีอยู่ในบ้าน และลดน้ำตาลทรายลงค่ะ สูตรเดิมเขาใช้ semisweet chocolate แต่เพียงอย่างเดียว แม่หลิ่มปรับเอา dark chocolate ใส่แทนบางส่วน

เตรียมของ
semisweet chocolate คุณภาพดี 100 กรัม
60% dark chocolate คุณภาพดี 20 กรัม
เนยสด (จืด) 55 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/8 ช้อนชา
ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 2 ฟอง
กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
เมื่อลองทำในครั้งแรกแล้วหากต้องการให้เข้ม chocolate มากขึ้นให้ปรับความเข้มข้นของ chocolate ที่ใช้กันเองนะคะ หรือปรับ chocolate ตามที่คุณมี แต่ขอให้เป็น chocolate คุณภาพดี ไม่ใช่ compound chocolate ค่ะ
ขั้นตอนการทำ
  1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ครั้ง พักไว้
  2. หั่น chocolate ทั้งสองชนิดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือหักตาม block ถ้าเป็นแบบกระดุมไม่ต้องหั่น ใส่ชามทนความร้อนที่ใบใหญ่เล็กน้อย
  3. หั่นเนยสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ชาม chocolate ที่เตรียมไว้
  4. นำชาม chocolate และเนยสดเข้าไมโครเวฟ พอให้เนยร้อนและ chocolate ละลายบางส่วน ถ้าไม่มีไมโครเวฟให้ใช้วิธีตุ๋นแทนค่ะ
  5. นำชามออกจากเตา พักทิ้งไว้สักครู่เพื่อทิ้งเวลาให้ความร้อนสะสมใน chocolate และเนยสด
  6. ใช้ตะกร้อมือคนให้ chocolate และเนยสดละลายให้หมด คนให้ส่วนผสมขึ้นเงา ถ้าทั้ง 2 อย่างยังคงเป็นก้อนให้นำเข้าไมโครเวฟอีกสักครู่ ระยะเวลาตามสภาพของ chocolate
  7. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน
  8. พักไว้สักครู่ให้ส่วนผสมอุ่น ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน
  9. ตอกไข่ฟองแรกใส่ลงไป เปลี่ยนเป็นใช้เครื่องตีมือถือความเร็วต่ำไล่ไปกลาง ตีให้ส่วนผสมเข้ากัน
  10. ใส่ไข่ไก่ฟองที่สอง ตีด้วยความเร็วปานกลางให้ส่วนผสมเข้ากัน ส่วนผสมจะฟูขึ้น สีอ่อนลง
  11. ใส่กลิ่นวานิลลา ตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากัน
  12. หาพลาสติกแร๊พปิดปากชามผสม นำแช่ตู้เย็นจนส่วนผสมมีลักษณะเหมือนไอศครีมอ่อนตัว ระยะเวลาขึ้นกับความเย็นของตู้เย็น แม่หลิ่มแช่ช่องธรรมดา 1-1 1/2 ชั่วโมงค่ะ
  13. เตรียมพิมพ์ที่จะใช้ ถ้าใช้ขนาด 3217 จะได้ 6 ถ้วย ถ้าใช้ขนาด 3219 จะได้ 4 ถ้วย หรือใช้ถ้วยอลูมิเนียมฟอล์ยตามสะดวก
  14. ปูถ้วยกระดาษหรือฟอล์ยลงในพิมพ์ หรือทาเนยบาง ๆ แล้วร่อนแป้งบาง ๆ เคาะแป้งส่วนเกินออก ตามสะดวก ได้ทั้ง 2 แบบ แต่แบบหลังเวลาแกะขนมออกจากพิมพ์ขนมจะสวยกว่า
  15. เมื่อส่วนผสมแช่เย็นเกือบได้ที่ อย่าลืมวอร์มเตาอบไว้ อุณหภูมิ 175-180 องศาเซลเซียส ไฟบนและล่าง ไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน
  16. ใช้ scoop ตักไอศครีมหรือช้อนตักส่วนผสมใส่พิมพ์ นำพิมพ์วางลงบนถาดเพื่อให้ยกสะดวก
  17. นำขนมเข้าอบ ระยะเวลาขึ้นกับการเซ็ทตัวของขนมว่าแช่เย็นนานแค่ไหน และขนาดของพิมพ์
  18. เช็คสุกโดยดูขอบขนมจะเซ็ทตัวแต่ไม่แข็ง ตรงกลางยังนิ่ม เขย่าพิมพ์ดูตรงกลางยังกระเพื่อม รีบนำออกจากเตา
  19. พักไว้จนอุ่นหรือเย็นจึงนำขนมออกจากพิมพ์
  20. เสิร์ฟพร้อมผลไม้สดหรือไอศครีมวานิลลา อร่อยมากมายค่ะ




















ที่มา & ขอบคุณ http://www.maesalim.com/desserts/lava-muffin/