วันอาทิตย์, มีนาคม 21, 2553

โมกับ มะเร็งและการดำรงชีวิต‏

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์


1. ทุกๆคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกายเซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐานจนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซลเมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้วมันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอจนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น

2. เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง6 ถึงมากกว่า10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง

3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอเซลล์มะเร็งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก

4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็งมันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต

5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการการเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ขณะเดียวกันมันก็จะทำลายเซลล์ที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูกทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอดฯลฯ

7.. การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลล์มะเร็งแต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลล์ที่ดีเนื้อเยื่อ และอวัยวะ

8. การบำบัดโดยคีโมและการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆอย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลล์เนื้องอก

9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไประบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลงดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น

10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลล์มะเร็งกลายพันธุ์ดื้อยา และยากต่อการทำลายการผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลล์มะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย

11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็งคือการไม่ให้เซลล์มะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว

อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลล์มะเร็ง

a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็งการตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็งสารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น"" นิวตร้าสวีต"" "" อีควล"" "" สปูนฟูล"" ฯลฯล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตรายสารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์)หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้นเกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้"" แบรก อมิโน "" หรือเกลือทะเลแทน

b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือกโดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหารเซลล์มะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือกการใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนมจะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร

c. เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแวดล้อมที่เป็นกรดอาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้นดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุดรองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง

d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ดถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อยจะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่วน้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลล์ภายใน15 นาทีเพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ดีเพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลล์ที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด (ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน)และรับประทานผักสดดิบ2-3 ครั้งต่อวันเอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ140 องศาF ( ประมาณ40 องศาC)

e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูงชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งน้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรองเพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปาน้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง

12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยากและต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อยเนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้น

13. ผนังของเซลล์มะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลงจะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลล์มะเร็งและช่วยให้เซลล์ของร่างกายสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น

14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือphytic acid], สารFlor-essence, สารEssiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์, วิตามิน, เกลือแร่, EFAs ฯลฯ)เพื่อช่วยให้เซลล์ของร่างกายสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้นสารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอีเป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซลล์หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซลล์ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลล์ที่ถูกทำลายซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป

15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณการป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง....ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจจะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้นให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัยเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต

16. เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมากการออกกำลังกายทุกวันและการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซลล์การบำบัดด้วยออกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลล์มะเร็ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น