วันพุธ, กันยายน 21, 2554

เพลงของเธอ

เหมือนตาย...ทั้งที่ใกล้กัน

ผู้หญิงไม่ร้ายถ้าผู้ชายไม่เลว

ผู้หญิงด้วยกัน

เธอไม่เคยตาย

รู้เห็นเป็นใจ

หยุดตรงนี้ที่เธอ

รักเธอไม่มีวันหยุด

ยอมจำนนฟ้าดิน

ละอายใจ

แค่ผู้ชายมันทิ้ง

มาทีหลังหวังแต่ง

คนนี้แฟนฉัน

เป็นได้แค่แฟนเก่า

เทียนไข ไฟฟ้า

ฝนตกในทะเล

วันอังคาร, กันยายน 20, 2554

คุณ OK ไหม

อาจเป็น เพราะสายตา ตลอดเวลาไม่เคยห่างเธอ

ก็เลยมักค้นเจอ อาการที่เธอเป็นไป

เหตุใดเธอเหงาจัง อย่าปิดบังฉันเลยแก้วใจ

สัญญาณความห่วงใย กระพริบไฟว่าใจเธอหม่น

กังวลในเรื่องงาน หรือทางบ้านเธอวุ่นวน

อะไรคือเหตุผล ทำให้คนลืมยิ้มได้

คุณ OK ไหม เป็นอะไรหรือเปล่า

เห็นซึมแต่ตอนเช้า แอบเหงาในเรื่องใด

คุณ OK ไหม เป็นอะไรหรือเปล่า

ปากยิ้มแต่ตาเศร้า ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม

เกี่ยวกับคนนั้นไหมนะ เคยมาแต่หายไป

เผลอเศร้าด้วยเหตุใด ใจฉันเป็นห่วงเธอ

อยากบอกว่าหัวใจ เราผูกเอาไว้ใกล้กันเสมอ

เจ็บใดแตะต้องเธอ ให้ฉันรับรู้ด้วยคน

กังวลในเรื่องงาน หรือทางบ้านเธอวุ่นวน

อะไรคือเหตุผล ทำให้คนลืมยิ้มได้

คุณ OK ไหม เป็นอะไรหรือเปล่า

เห็นซึมแต่ตอนเช้า แอบเหงาในเรื่องใด

คุณ OK ไหม เป็นอะไรหรือเปล่า

ปากยิ้มแต่ตาเศร้า ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม

เกี่ยวกับคนนั้นไหมนะ เคยมาแต่หายไป

เผลอเศร้าด้วยเหตุใด ใจเป็นห่วงเธอ

ขอโทษที่ห่วงใย เพราะใจฉันเป็นห่วงเธอ...





http://www.youtube.com/watch?v=G-095d6aetk

วันศุกร์, กันยายน 16, 2554

ทำนายโชคชะตา ปี 2554

คำทำนายปีชวด๒๕๕๔

ปีเถาะนี้เป็นปีที่ให้โทษต่อชาวปีชวดอยู่แล้ว เพียงแต่ในบรรดา ปีที่ชงกับปีเถาะปีชวดเป็นปีที่กระทบด้วยน้อยที่สุด ดีกว่าปีระกาที่ปะทะโดยตรงแต่ควรจะต้องใช้สติ ให้มากกว่าเดิมด้วยจึงจะเหมาะสมเพราะในปีเถาะนี้ คนปีชวดมักโดนปัญหาโอษฐ์ภัย ในด้านการงานปีนี้คนปีชวดมีความสำเร็จในด้านการงานแน่นอน

แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ความอดทน อด กลั้ีน เพราะแม้นมีดวงเรื่องงาน แต่ให้ระมัดระวังเรื่องการสัมพันธ์ในหน่วยงาน หรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน เอาใจใส่ลูกน้อง หากมีปัญหาจะเข้าหลักว่า พลาดทีเดียวล้มทั้งกระดาน ในด้านโชคลาภ ปีนี้ปีชวดมีลาภด้านการลงทุนสูง ผลประกอบการดีขึ้น และให้หมั่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านอาจได้ลาภลอยหรือผลประกอบการก้าวหน้าอย่างคาดไม่ถึง ผู้ชายชาววอกระวังอุบัติเหตุจากการออกกำลังกาย เดือนเมษายน และกรกฏาคมเป็นเดือนที่เรียกว่าเกณฑ์ให้ลาภมากที่สุด ส่วนพฤศจิกายนปี๕๔จะทำให้เกิดเรื่องสิ่งมหัศจรรย์ดีดีแก่คนปีชวด ในด้านสุขภาพผู้ชายปีชวดน่ากลัวเรื่องระบบหัวใจจากการเล่นกีฬาหรือเอาแต่สังสรรค์ดื่มสุรา ส่วนผู้หญิงปีนี้ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรในคนปีชวดหญิงให้ตรวจร่างกายและบริจาคเลือดตั้งแต่ต้นปีเป็นการแก้เคล็ดสุขภาพได้ สรุปว่าในปีนี้คนปีชวดให้ระวังเรื่องความสัมพันธ์ในที่ทำงานหรือแผนงานให้ดีที่สุด และเวลามีปัญหาพึงระใช้สติธรรมะมาช่วยจะทำให้หาทางออกได้ทุกปัญหา รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่นั้นเน้นลงทุนในระยะสั้นไปก่อนจะมีกำไรดี ปีนี้ทำอะไรใช้สติมากๆๆจะผ่านพ้นไปได้ดีครับ การทำบุญให้นำระฆังไปแขวนถวายพระเจดีย์ใหญ่ๆๆพร้อมถวาย่าน้ำค่าไฟวัด เพื่ออานิสงส์ระฆังจะทำให้นอกจากมีชื่อเสียงแล้ว ยังหมายถึงการได้ชัยชนะในการทำงานด้วย ส่วนน้ำและไฟที่ให้ถวายพระนั้นคนจีนถือว่าเมื่อมีน้ำและไฟก็จะเกิดความเป็นมงคลยิ่งใหญ่น้ำไฟพร้อมก็แสดงว่าทุกอย่างไปได้ดีครับ

การไหว้พระเพื่อแก้เคล็ด นะครับปีชวดปีนี้ ควรไปฝากดวงชะตากับเทพไท้ส่วยเอี๊ยของจีนที่วัดมังกร ก่อนตรุษจีนสัก๙วันได้ยิ่งดี และควรไปไหว้พระพิฆเนศวร ปางใดก็ได้ที่โบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า หรือวัดเทพมณเฑียร เพื่อขอพรให้พระองค์ดลใจให้ชนะอุปสรรค ความข้องขัดทั้งปวง รวมทั้งให้ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นเจดีย์ใหญ่ๆๆ(หากไปพระธาตุศรีจอมทองได้จะดีมาก) หากไปประจำปีเกิดไม่ได้จะไปนครปฐม หรือ วัดสระเกศ หรือเมืองนคร ก็ได้ครับ

สำหรับพระหรือวัตถุมงคลเพื่อความสำเร็จ นั้น นอกจากพระกริ่งที่ควรสวมไว้ที่คอแล้ว หากสวมหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง ได้ด้วยจะดีมากจะสวมคอหรือพกติดตัวก็ได้เพราะ หลวงพ่อเพชรวัดท่าหลวงเดิมทีท่านเป็นพระประธานของเจดีย์ปีชวดพระธาตุสีจอมทองครับ



คำทำนายปีฉลู๒๕๕๔

สำหรับปีฉลูปีนี้ ในช่วงต้นปีจะเกิดเรื่องราวผันผวนต่างๆๆมากมาย ควรทำใจให้สงบทำบุญสวดมนต์เตรียมกำลังใจให้เข้มแข็ง แต่เลยกลางปีไปจะมีแต่สิ่งดีดเข้ามาแม้ ต้นปีอาจจะเหนื่อย หน่อย โดยเฉพาะฉลูหนุ่มทำงานอาจ ต้องทำงานเหนื่อยแต่ได้ผลรับไม่คุ้มเท่าไร สิ่งสำคัญคือชาวฉลูห้ามมุทะลุบุ่มบ่ามเป็นอันขาด ใช้สติพึ่งตนเองแล้วจะประคับประคองไปได้ หน้าที่การงานชาวฉลูปีนี้เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรในช่วงต้นปี หากจะขยายกิจการจะติดขัดไปหมด หรือคนที่ทำงานออฟฟิสก็จะเหนื่อยแต่เหมือนไม่มีใครเห็นค่า สิ่งเหล่านี้พอปลายปีจะหายไป การคิดจะทำแผนงานสิ่งใดควรปรึกษากันในหมู่เพื่อนร่วมงานหรือผู้บริหาร จะทำให้เกิดความรอบคอบในการทำงานและยังต้องสานสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานทุกคนด้วย ด้านเงินทองโชคลาภ ในช่วงหลังตรุษจีนไป3เดือน การเงินจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีให้ตักตวงผลประโยชน์กำไร โชคลาภมากๆ วางแผนการเงินให้ดี เพราะหลังจากเมษายนไปแล้วการเงินจะเริ่มฝืดเคือง ไม่ควรลงทุนในระยะยาวหรือที่มีความเสี่ยงสูงควรเก็บเงินใช้จ่ายแบบประหยัด ไม่มีลาภลอยเลยปีนี้ แต่พอเข้าตุลาคมพฤศจิกายน และธันวาคมดวงจะดีขึ้น

ด้านสุขภาพในปีนี้ คนปีฉลูควรระมัดระวังเรื่องการกิน ไม่ควรกินตามใจปากมากเกินไป และเนื่องจากปีนี้คนฉลูดวงอยู่ในช่วงมีเคราะห์ควรงดไปงานศพ หรือไปเยี่ยมคนป่วยในโรงพยาบาลครับเพราะจะทำให้ชงกับเคราะห์ของตน ขอย้ำว่าห้ามขาดเลยครับ

สรุปปีนี้คนฉลูอาจจะเป็นปีที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจและอาจมีทั้งปัญหาภายในบ้านรบกวนใจ ก็ให้ปล่อยวางหันหน้าศึกษาธรรมะ และระบายให้คนรู้ใจฟังมีอะไรก็พูดระบายออกไป การเงินการทองให้คิดวางแผนให้ดีการลงทุนให้ดูเรื่องข้อมูลให้ดีเท่านี้ปีนี้ก็จะผ่านไปได้อย่างสบายๆๆครับ

การทำบุญ สำหรับปีฉลูนี้ให้ทำบุญบริจาคข้าวสาร และ ยารักษาโรคถวายพระสงฆ์เป็นเคล็ดให้เกิดความสมบูรณ์แก้ในเรื่องการเงินและการงาน รวมทั้งให้ทำบุญโลงศพให้กับผีไม่มีญาติ จะที่ป่อเต๊กตึ้ง หรือร่วมกตัญญูก็ได้ ก่อนเผาใบอนุโมทนา ให้เขียนขอสิ่งที่ปรารถนาด้านหลัง จะช่วยแก้เรื่องป่วยหรืออุบัติเหตุได้ครับ

สำหรับการไหว้พระปีนี้ เนื่องจากปีฉลุปีนี้อาจจะเป็นปีที่ไม่ดีและติดขัดมากมาย ควรไปกราบ พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ที่มูลนิธิเทียนฟ้าปางมหาบุรุษประทานพร เพื่อขอพรให้พระองค์ปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัย ในปีนี้ อีกทั้งท่านจะบริจาคกับมูลนิธิเทียนฟ้าเพื่อช่วยผู้ป่วย(มูลนิธิเป็นโรงพยาบาลช่วยคนจน)ก็ได้ เป็นมงคลอย่างยิ่ง สำหรับวัตถุมงคล นั้น นอกจากพระกริ่งซึ่งแทน องค์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าที่เป็นพระพุทธเจ้าที่โปรดคุ้มครองดวงชะตามนุษย์(ใส่ได้ทุกปีนักกษัตร)แล้ว ควรใส่เหรียญที่เป็นรูปเต่าหรือพญาเต่าเรือน จะเป็นของพระสงฆ์คณาจารย์รูปใดก็ได้ เพราะเต่าเป็นสัญลักษณ์มงคลของการไม่มีโรคภัยและเต่าเป็นสัตว์อดทนสูงและเดินไปข้างหน้าตลอด จึงเหมาะกับคนนักษัตรนี้ครับ



คำทำนายปีขาล๒๕๕๔
ปีนี้สำหรับชาวขาลนั้น ชีวิตค่อยดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ปีใหม่ทางเกณฑ์ชะตาไปแล้ว ชีวิตก็จะดีขึ้นต่างจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ปีนี้สำหรับชาวขาลเป็นปีที่จะริเริ่มทำสิ่งใด นั้นช่วงแรกอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่จะมีเจ้านาย ญาติ พี่น้อง บริวาร มาคอยช่วยภายหลัง ด้านหน้าที่การงาน ปีขาลปีนี้เป็นปีที่อบอุ่นมากสำหรับชาวขาล หากเป็นเจ้าของกิจการลูกน้องบริวารจะเต็มใจช่วยงานสร้างสรรค์ผลงานให้บริษัทประสบความสำเร็จได้ดีทีเดียว หรือหากเป็นพนักงานออฟฟิศ ปีนี้เป็นปีที่เจ้านายได้มอบความไว้วางใจให้คุณโชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ อาจได้เลื่อนขั้นปลายปีด้วยขอให้ตั้งใจ หากย้ายบริษัทใหม่ปีนี้ก็เป็นปีที่ทำให้คุณปรับตัวในที่ทำงานใหม่ได้อย่างดีครับ ด้านโชคลาภ หวยเบอร์ล็อตเตอรี่หมดสิทธิ์ครับปีนี้ไม่มีแต่จะได้ผลกำไรจากงานรายได้ดีจากการงานของคุณเอง ถ้าไม่ได้เป็นเงินก็อาจเลื่อนขั้น เดือนมิถุนายนกับพฤศจิกายนอาจได้รับเพิ่มเงินเดือนหรือเลื่อนขั้นก็เป็นได้ พยามวางแผนการเงินให้ดีปีนี้จะรับทรัพย์มากมาย

ด้านสุขภาพ ปีนี้เนื่องจากอาจต้องทำงานหนักรายได้มาจากงานแต่ก็อาจเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ภูมิแพ้ ส่วนขาลหญิงระวังโรคเกี่ยวกับสตรีให้มากๆๆ และเช่นเดียวกับฉลูห้ามไปงานศพเด็ดขาดครับเพราะอาจจะได้รับเคราะห์ได้

สรุปโดยรวมปีนี้ เป็นปีมงคลของคนปีขาลควรที่จะตักตวงผลประโยชน์กำไรให้มากในปีนี้แต่ก็อย่าหักโหมกับงานเกินไปเพราะอาจทำให้ป่วยได้ ทางที่ดีเอาแต่พอประมาณอย่าโหมงานเงินมากไปก็พอครับ

สำหรับปีนี้เพื่อเสริมมงคลคนปีขาลควร ทำบุญด้วยการถวายค่ายารักษาโรคกับพระภิกษุอาพาธก็ได้เพราะอานิสงส์นี้จะได้มาเสริมส่งเรื่องการงานและหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บ และควรทำสังฆทาน ด้วยเดือนละครั้ง ชีวิตจะยิ่งมีแต่สิ่งดีดีเข้ามาครับ

สำหรับการไหว้ขอพร ปีนี้คนปีขาลพึ่งผ่านปีนักษัตรตัวเองมา ควรไปไหว้ขอพร องค์พระศรีศากยมุนี วัดสุทัศน์เทพวราราม หรือจังหวัดที่มีพระโตนั่งปางมารวิชัย ด้วย ส้มเคล็ดมงคลเป็นเคล็ดให้ได้หน้าที่การงานใหญ่โตมีลาภวาสนา และควรไปกราบ พ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจ ที่โรงพยาบาลสงฆ์หรือวัดที่รูปท่านเพื่อขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคและอุบัติเหตุทั้งปวงครับ นอกจากนี้วัตถุมงคลพระเครื่อง นอกจากพระกริ่งที่ใส่ได้ทุกนักกษัตรแล้ว ควรใส่พระปิดตา เนื้อผง เป็นพระปิดตาสองมือ เรียกว่าพระปิดตามหาลาภเป็นที่พระมหากัจจายนะ เข้านิโรธเรียกลาภ จะช่วยให้เกิดลาภสมบูรณ์พูลผล ในปีนี้ครับ



คำทำนายปีเถาะ ๒๕๕๔ แต่ก็ไม่ใช่ว่าดีนัก แต่ก็ไม่โหดร้ายเท่าปีนักษัตรที่ชงอื่นๆ สำหรับชาวเถาะที่มีอาชีพเป็นผู้บริหาร ตำรวจ ทหาร จะเป็นช่วงที่คุณอาจจะได้ เพิ่มตำแหน่งหน้าที่การงาน ในช่วงนี้ ปีนี้เป็นปีที่ชาวเถาะจะต้องเจอการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพแวดล้อม ที่ทำงาน ที่อยู่ใหม่และปัญหาสภาพจิตใจด้วยเป็นเหมือนเครื่องทดสอบความสามารถของชาวเถาะ คุณจึงต้องตั้งใจใช้สติความคิดความสามารถ แก้ไขแล้วมันจะผ่านไปได้ดีครับ ด้านโชคลาภคนปีเถาะปีนี้ต้องพยามเก็บค่าใช้ใช้จ่ายให้ได้เพราะตามเกณฑ์ลาภมาง่ายๆ แต่ก็ไปง่ายเพราะคนปีเถาะชอบพนันขันต่อ กล้าได้กล้าเสีย จึงต้องพยามเก็บทรัพย์ให้อยู่ให้ได้ครับ ด้านสุขภาพคนเถาะปีนี้มีดวงอุบัติเหตุหรือโดนของมีคมมากกว่าป่วยไข้ ควรทำอะไรใช้ความระมัดระวังให้มากๆๆครับ ปีนี้ก็จะเป็นปีที่ต้องระวังมากๆๆสำหรับคนปีเถาะครับ



คนปีเถาะ ปีนี้เป็นปีที่ตรงกับเจ้าชะตาเอง

สรุปปีนี้ใช้สติกับความสามารถเท่านั้นเลยครับที่จะพาให้คนปีเถาะก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงอันสำคัญนี้ไปได้ครับ

สำหรับการทำบุญของชาวเถาะปีนี้ ควรไปบริจาคเลือด หรือซื้อเลือดที่โรงพยาบาลสงฆ์ ถวายเป็นของสงฆ์ครับเพื่อป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ และ ควรถวายเทียนเพื่อให้เกิดแสงสว่างนำทางในการที่คนปีเถาะนั้นจะต้องแก้ปัญหาต่างๆๆ ที่จะต้องเกิดในปีนี้ เพราะอานิสงส์ถวายเทียนจะช่วยเป็นแสงส่องทางทำให้ เป็นผลานิสงส์ที่คนเถาะจะแก้ปัญหาต่างๆๆได้ด้วยอาศัยบุญตัวนี้เป็นตัวนำ

การไหว้พระ เพื่อสะเดาะเคราะห์ นอกจากจะต้องไปฝากดวงแบบจีนที่วัดมังกรแล้ว เพื่อให้ปัญหาเรื่องสภาพการงานคล่องตัว คนเถาะควรไปกราบพระประธานยิ้มรับฟ้าของวัดระฆัง เพื่อเป็นเคล็ดยิ้มเย้ยปัญหาอุปสรรค และควร กราบขอพร สมเด็จพระพุฒาจารย์โตให้นิรันตรายแคล้วคลาด จากภัยทั้งปวงด้วยครับ สำหรับวัตถุมงคล ปีนี้นอกจากพระกริ่งที่ใช้ได้ทุกปีนักษัตรแล้ว คนเถาะควรบูชาพระพิมพ์สมเด็จที่เป็นรูปปรกโพธิ์ืหมายว่าปลอดภัยแคล้วคลาด ก็จะเสริมโชคสะเดาะเคราะห์ไปได้ครับ



ถึงแม้ปีนี้จะชงกับปีมะโรง แต่มะโรงในปีเถาะนี้กลับดีกว่าอีกหลายๆๆนักษัตรที่โดนชง ในปีนี้ครับ สำหรับคนปีมะโรงในปีนี้เป็นปีที่มีคนคอยให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกมากมายครับ และผลของการช่วยเหลืออาจทำให้กิจการงานของคุณดีขึ้นหรือเพิ่มยศตำแหน่งได้ หน้าที่การงานในปีนี้ เกณฑ์จะมีผู้ใหญ่เพศชายคอยอุปถัมภ์ ให้งานที่ติดขัดสำเร็จรุดหน้าไป หรือเป็นคนช่วยคิดจัดระบบในสายงานให้คุณ ชาวออฟฟิสอาจได้รับผิดชอบโปรเจคใหญ่ๆตามที่ผู้ใหญ่มอบให้ แต่ก็ต้องระวังคลื่นใต้น้ำหรือผู้จ้องอิจฉาให้ดี จะทำให้คุณเสียการเสียงานได้ ด้านโชคลาภปีนี้คนมะโรงมีแววได้ตำแหน่งสูงขึ้นหรือได้โปรเจคงานที่ดี โชคลาภได้มาจากงาน แต่เงินอาจได้มาแล้วก็ต้องจ่ายออกไป แบบเข้ามือซ้ายจ่ายมือขวา โดยมีนาคมจะเป็นเดือนที่ต้องใช้จ่ายมากที่สุด ควรลำดับในการใช้เงินก่อนหลังให้ดีจะได้ไม่มีปัญหาติดลบ ส่วนด้านสุขภาพคนมะโรงปีนี้ควรระวังปัญหาด้านกระเพาะ ลำไส้ให้ดีเพราะมีเกณฑ์ที่จะเกิดโรคทางนี้อันเนื่องมาจากงานอยู่ในระดับที่สูงขึ้น

โดยสรุปมะโรงปีนี้ไม่เลวร้ายอย่างที่คิดปัญหาก้คือให้ระวังเรื่องคลื่นใต้น้ำ ที่ผู้อื่นหมายจ้องจะทำลายคุณ เรื่องการตรวจเอกสารก็พึงระวังตรวจให้ละเอียด เซ็นต์เอกสารก็ต้องรอบคอบค่อยๆๆคิดผลดีผลเสีย หรือปรึกษาผู้รู้ดีที่สุด ด้านการเงินก็พยามทบทวนให้ดี ก็จะทำให้อยู่รอดปลอดภัย ตลอดปีนี้ครับ

การทำบุญ เนื่องจากปีนี้มะโรงมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งหรืองานก้าวหน้าคนมะโรงควรไปทำบุญถวายสังฆทานเสริมดวงเดือนละครั้ง หรือจะใส่บาตรทุกเช้าก็ได้ยิ่งดี และควรพิมพ์หนังสือธรรมะ แจกจ่ายด้วยอานิสงส์นี้ จะทำให้คนมะโรงมีชัยชนะผ่านอุปสรรคไปได้ทั้งปวง และให้ถวายปัจจัยร่วมสร้างห้องสุขาหรือชำระหนี้ค่าสุขาของวัดเคล็ดนี้เพื่อคนมะโรงจะได้ปลดทุกข์ออกจากตนเองได้ครับ หากไม่สะดวกบริจาคสร้างห้องน้ำเวลาเจอห้องน้ำวัดให้แจ้งกับพระสงฆ์ขอถวายค่าทำความสะอาดห้องน้ำก็ได้ครับ อีกทั้งควรแก้เคราะห์โดยกวาดลานวัดให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายจนออกไปพ้นไปจากตัวเราก็เป็นบุญที่ควรไปทำครับสำหรับชาวมะโรงทั้งหลาย

การไหว้แก้เคล็ดเสริมดวงปีนี้เพื่อขอให้เลื่อนยศศักดิ์อัครฐานนั้นควรไปกราบ พระนารายณ์วิษณุมหาเทพ ปางนั่งบัลลังก์นาคราชที่ตรงข้ามวัดสุทัศน์เทพวราราม เคล็ดการไหว้พระนารายณ์เพื่อขอยศศักดิ์ประทับบนบัลลังก์นาคราชมีความหมายว่าคุ้มครอง และควรไปไหว้พระพุทธนาคปรกที่วัดพระเชตุพนด้วยเพื่อเคล็ดป้องภัยจากศัตรูผู้คิดร้ายจะได้หายไปครับ สำหรับวัตถุมงคลนอกจากพระกริ่งที่ใช้ได้ทุกนักษัตรแล้ว ก็ให้หาพระที่เป็นนาคปรก หรือ องค์พระเทวราชโพธิสัตว์จตุคามรามเทพที่เป็นนาคปรกมาใส่ไว้เพื่อเสริมด้านกันภัยและโชคลาภอีกด้วยครับ





ปีนี้เป็นปีที่ชาวมะเส็งนั้นค่อยดีขึ้นมาหลังจากปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ชาวมะเส็งนั้นต้องต่อสู้ยากลำบาก ปีนี้ก็เงยหน้าอ้าปากได้บ้าง

ปีนี้ชาวมะเส็งนั้นเป็นปีที่จะต้องเดินทางไปติดต่อเจรจาความมากมาย เพราะเกณฑ์ชะตาจะได้โอกาสเลื่อนงาน หรือ ตำแหน่งหรือธุรกิจนั้นจะก้าวหน้าไป

แต่ชาวมะเส็งจะต้องเดินทางออกไปติดต่อหางาน หรือประสานงานกับคู่ค้าหรืออาจจะต้องพาลูกค้าไปเซอร์วิส งานหรือโปรเจคใหญ่จึงจะสำเร็จ จึงต้องหัดออกงานสังคม และฝึกมารยาททางสังคมให้ดีจะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์ค่อนข้างมาก แม้นจะดีแต่ให้ระวัง ความเด่นของคุณในปีนี้ จะมีคนคอยคิดร้ายกับคุณเพราะความเด่นเก่งของคุณอาจเป็นภัย ทางทีดีต้องหาวิธีรับมือพวกนี้ไว้ด้วยหรือพยายามอย่าเด่นเป็นดีที่สุดครับ ด้านการงานปีนี้โดยรวมค่อนข้างดี แต่ต้องคอยระวังคนอิจฉาครับ ด้านโชคลาภปีนี้คุณชาวมะเส็งมีโชคลาภเป็นอย่างมาก แต่ให้มองเรื่องเตรียมการลงทุนโดยเฉพาะเจ้าของกิจการควรเน้นการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนชาวออฟฟิศให้วางระเยียบแบบแผนเงินให้ดี อย่าใช้จ่ายให้มากเกินสมควรครับ และปีนี้อาจมีลาภลอยนะครับอย่างไรก็พยามใช้จ่ายเงินที่ได้มาให้คุ้มที่สุดครับ ด้านสุขภาพ ปีนี้ชาวมะเส็งระวังอุบัติเหตุแก่คนรักหรือผู้ใหญ่ในบ้านให้ดีมีเกณฑ์ต้องเข้าโรงพยาบาลหนักแต่ส่วนชาวมะเส็งเองนั้นหากไม่นอนดึกพักเพียงพอก็ไม่มีอะไรครับ

สรุป ปีนี้ปีทองของชาวมะเส็งเพียงแต่ชาวมะเส็งต้องอ่านสถานการณ์ธุรกิจของตนให้เป็นใช้สติรุกและรับและต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วย งานจะรุ่งมากเงินจะไหลมาแต่ต้องวางแผนเก็บหรือขยายการลงทุนให้ดีครับปีนี้ตั้งใจมากก็จะได้ความสำเร็จมาก

การทำบุญเสริมดวงปีนี้ ควรไปร่วมพิธีหล่อพระให้มากๆๆครับ เพราะอานิสงส์หล่อพระพุทธรูปนั้นมากและเป็นเคล็ดที่จะเสริมความเจริญรุ่งเรืองของคุณครับ อีกทั้งควรหาเวลาไปปล่อยปลาอย่างน้อยเดือนละครั้งให้เป็นเคล็ดเงินทองไหลมาเทมา จะสมหวังครับ

การไหว้พระปีนี้ ควรไปกราบพระแม่ลักษมี*พระนารายณ์ ที่วิหารเทพมณเฑียรเพื่อเป็นเคล็ดให้เกิดโชคลาภโชคดีมียศมีศักดิ์ (พระแม่ลักษมีแทนความมีโชค พระนารายณ์แสดงความมียศ)แล้วให้ทำบุญบริจาคให้แก่วัดฮินดูเพื่อใช้ในการกุศลพระแม่ลักษมี องค์นารายณ์จะได้ประทานลาภให้คุณตลอดปี และควรไปไหว้ หลวงพ่อโตและพระพุทธชินสีห์(หลวงพ่อโตซ้อนพระพุทธชินสีห์อยู่)ที่วัดบวรนิเวศเพื่อขอให้ท่านขจัดอุปสรรคต่างๆๆให้พ้นไปคุ้มครองปราศจากคนปองร้าย ครับ สำหรับวัตถุมงคล นอกจาก พระกริ่งควรใส่พระสีวลีครับเพราะมะเส็งปีนี้มีการติดต่อเดินทางสานงานและธุรกิจ ก็พกพระสีวลีไปจะเสริมส่งให้หารเจรจางานนั้นสำเร็จได้ผลดีได้ครับ




สำหรับคนปีมะเมียในปีนี้แม้นจะเป็นคู่ปะทะกับปีเถาะ ปีนี้คนปีมะเมียจะต้องทำใจว่าเป็นปีที่ให้โทษต้องระวังต่อเรือนชะตา ดังนั้นจะทำสิ่งใดก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี เพราะมีเกณฑ์จะโดน ใส่ร้ายป้ายสีแบบไม่เป็นธรรม ควรเริ่มแก้เคล็ดตัวเองเริ่มทำบุญบ่อยๆๆใส่บาตรทุกวันได้เลยปีนี้จะโดนทั้งปีครับปีมะเมียหญิงนั้นไม่สาหัสเท่ามะเมียชายปีมะเมียหญิงควรเว้นการนินทาในที่ทำงานจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ไปได้แต่เกณฑ์ของมะเมียชายนั้นควรระวังเรื่องพิพาทกับผู้ใหญ่หรือเจ้านายในบริษัทเพราะอาจจะแรงมาก ควรใช้สติและขันติในการอดทนให้มากขึ้นกว่าเดิมสองเท่า ส่วนมะเมียที่เป็นผู้บริหารควรใช้สติและความสงบสยบเคลื่อนไหว เพราะหากวู่วามไปอาจเสียการงานในอนาคตหรือโดนฟ้องร้องได้ ด้านการงานปีนนี้มะเมียต้องใช้คำว่าขันติเท่านั้นครับ จึงจะผ่านปีนนี้ไปได้เดือนที่หนักสุดคือพฤษภา กรกฏาคม กันยายน หากผ่านสามเดือนหนักๆๆนี้ไปได้ ช่วงธันวาคมอาจได้รางวัลเห็นใจจากเพื่อนร่วมงาน ลูกน้องคู่ค้าหรือเจ้านาย สำหรับโชคลาภปีนี้ชาวมะเมียอาจขัดสนไปนิดแต่ก็ไม่ถึงกับอดอยาก ต้องใช้ให้เป็นสิ่งไหนไม่สำคัญตัดออกก็จะพ้นไปได้ เดือนที่เด่นเงินคือช่วงปลายปี พฤศจิกายน ธันวาคม จะค่อยคล่องตัวครับ สุขภาพปีมะเมียปีนนี้ไม่มีโรคร้ายอะไรนอกจากกินน้อยนอนน้อย และโรคเครียดเท่านั้นครับ พยามสนุกกับงานและการแก้ปัญหาจะลดปัญหาได้

สรุปปีนี้คนมะเมียเป็นปีที่ต้องอดทนและต้องพยามถือสันโดษไม่ไปว่าร้ายนินทาใคร ต้องสงบเสงี่ยมให้มากๆๆ สิ่งที่ควรทำก็ทำสิ่งใดใครทำไม่ดีก็ให้อุเบกขาเมื่อโดนติติงก็พยามขันติจะแคล้วคลาดปลอดภัยได้ เป็นกำลังใจให้ครับ

การทำบุญ ปีนี้คนปีมะเมียควรไปถวายสังฆทานและบังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย รวมทั้งถวายร่มกับรองเท้าแด่พระสงฆ์เพื่อเป็นเคล็ดให้ร่มเย็นมีกัลยาณมิตรมาเป็นผู้ช่วยให้ผ่านอุปสรรคแบบนั้นไปได้ครับ อีกประการให้ไปฝากดวงที่วัดมังกรตั้งแต่ต้นปีจะบรรเทาไปได้บ้างครับ

การไหว้พระสะเดาะเคราะห์ ปีนี้คนปีมะเมียควรไปไหว้พระหลวงพ่อโคนสมอวัดนาคกลางเพราะหลวงพ่อถือสมอนับว่าเป็นยาทิพย์ ใช้รักษาหรือแก้สิ่งไม่ดีได้ ครับ และควรไปกราบสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่พระวิหาร วัดนาคกลางด้วยเพื่อเป็นเคล็ดให้ชนะอุปสรรคศัตรูที่คิดร้ายขอให้พ่ายไป ส่วนวัตถุมงคลนอกจากพระกริ่งแล้ว คนปีมะเมียควรพก พระท่ากระดาน ที่สร้างใหม่หรือกรุเก่าก็ได้เพื่อเสริมเรื่องการต้องผจญกับศัตรูครับ




สำหรับชาวแพะเป็นอีกปีที่มีความมงคลไม่น้อย ชีวิตจะกลับกลายจากร้ายกลายเป็นดีได้ทันที ปีนี้คนปีมะแม เป็นปีที่ทองที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าไปได้มาก ท่านที่อายุเลย25ไปแล้วมีเกณฑ์ได้ขยายงานหรือ ได้ตำแหน่งสูงๆๆในบริษัท ทั้งท่านที่ทำงานเกี่ยวกับการขายไอเดียปีนี้ตามเกณฑ์ชะตา ว่ากันว่าเป็นปีที่คนปีมะแมมักได้อะไรใหม่ๆๆไอเดียใหม่ ๆๆ เพื่อนร่วมงานใหม่ๆๆซึ่งก่อให้เกิดรากฐานที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีของเกณฑ์ชะตาครับ ด้านการงานปีนี้คนปีมะแม จะได้ขยายแผนงาน อาจได้ลูกค้าหรือคู่ค้าที่ดีรายใหม่ หรือท่านที่วางแผนจะขยายฐานการผลิตสินค้าปีนี้เป็นปีทองทีเดียว แม้มีอุปสรรคก็สามารถกำจัดไปได้ แต่ข้อควรระวังปีนี้เนื่องจากอาจมีการติดต่อลูกค้ารายใหม่ หรือขยายแผนงานอาจมีการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ในทางกฏหมายได้อย่างไรให้สืบความเป็นมาคู่ค้ารายใหม่ให้ดีก่อนจะทำหนังสือเซ็นต์สัญญาต้องระวังหากพลาดพลั้งเป็นคดีความก็จะเสียงการงานได้ โชคด้านการงเงิน ปีนี้คนปีมะแมนั้นจะสามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างสะดวกสบายเพียงแต่ต้องระวังในเรื่องเช็คนิดหน่อย ปีนี้คนมะแมมีรายได้เยอะควรเน้นการเก็บออมในรูปการลงทุน ทั้งตราสารอนุพันธ์หรือพันธบัตร ยกเว้นหุ้นกับกองทุนจะทำให้เกิดประโยชน์แก่กองเงินที่ได้มามากที่สุดครับ ด้านสุขภาพปีนี้สุขภาพไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ที่น่ากลัวมีการเกิดอุบัติเหตุฉะนั้นคนมะแมควร มีสติและไม่ประมาท ไปไหนควรระมัดระวัง จะทำให้ผ่านไปได้ครับ

สรุปปีนี้คนมะแมโชคดีทุกอย่างเลยเว้นแต่ให้รอบคอบจะได้ไม่เป็นคดีความย้อนหลังนะครับ ควรใช้สติรอบคอบในการทำธุรกรรมสักนิดชีวิตจะปลอดคดีครับ

สำหรับการทำบุญปีนี้ คนปีมะแมให้ทำบุญด้วยการร่วมบริจาคสร้างวิหารทานต่างๆๆของวัด วาอาราม อาจเอาปัจจัยไปร่วมสมทบในการสร้างก็ได้ เพื่อเป็นเคล็ดสร้างวิหารทานเป็นบุญมากทำให้มีตำแหน่งลาภยศ ใหญ่โตขึ้น และควรไปบริจาคโลงศพ ให้แก่ผีไม่มีญาติอีกเพื่อเป็นเคล็ดแก้ ในทางที่จะเกิดอุบัติเหตุทางเกณฑ์ชะตา เมื่อได้ใบอนุโมทนาบัตรมา ควรเขียนขอพรด้านหลังแล้วจึงนำไปเผาไฟเพื่อให้สวรรค์เบื้องบนได้รับทราบและช่วยเหลือเราตามที่เราเขียนขอได้ครับ

สำหรับการไหว้พระแก้เคล็ดปีนี้ เืนื่องจากปีนี้ชาวมะแมอาจเกิดเรื่องคดีความทางแก้คือไปกราบ องค์พระร่วงทองคำ วัดมหรรณพาราม(ศาลเจ้าพ่อเสือ)เพื่อให้ท่านได้ช่วยปัดเป่าเคราะห์ในทางคดีความให้กลับร้ายกลายเป็นดี ด้วยบารมีพระร่วงศักดิ์สิทธิ์ และรวมทั้งให้นำพวงมาลัย7สี7ศอก ดอกไม้ธูปเทียน ไปกราบองค์ท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์ จอมราชันย์แห่งเทวะที่หน้าห้างอมรินทร์พลาซ่า เพื่อขอพรให้เราได้ยศอำนาจลาภ และป้องกันคนคิดร้ายจากองค์เสด็จปู่พระอินทร์ด้วย พระนอกจากพระกริ่งที่ใส่ได้ทุกปีแล้ว คนมะแมควรหาสมเด็จพิมพ์เจดีย์ ของวัดใดพระคณาจารย์องค์ใดก็ได้มาสวมใส่เพื่อเคล็ดที่พ้องกับคำว่าดี จะทำให้คนปีมะแม มีแต่ความโชคดีตลอดปีนี้เลยครับ




สำหรับปีวอกในปีนี้ท่านจะสบายมากกว่าปีขาลที่ผ่านมาหน่อย แต่เหตุการณ์รอบๆๆตัวอาจมีสภาพเวียนเปลี่ยนแปลง คนวอกจึงต้องตั้งรับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นให้ดี ด้านหน้าที่การงานคนวอกปีนี้ จะได้งานหรือโปรเจคใหญ่ หรือได้พบผู้ใหญ่ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน หรืออาจจะต้องได้รับหน้าที่ลงไปสานสัมพันธ์ ระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ หรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรกิจการของตนเองทั้งยังจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆมากมายหลายที่ เพื่อสานความสัมพันธ์หรือเปิดโลกทรรศน์ในส่วนของงานด้วย สิ่งที่ต้องพึงระวังคือคนวอกมีเกณฑ์ชะตาจะได้รับเคราะห์เช่น ของหาย หรือถูกปล้นชิงในระหว่างการเดินทาง ทางที่ดีต้องจัดระเบียบและพยามวางแผนเดินทางให้ดีจะลด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ ครับหากผ่านไปได้ ความสำเร็จการเลื่อนตำแหน่งหรือผลกำไรรอยู่ ด้านโชคลาภปีนี้คนปีวอกนั้นออกแนวกระเชอก้นรั่วเสียมากกว่าคือได้มาแล้วก็ต้องมีอันใช้ไปออกไปหรือเกณฑ์เสียทรัพย์ทั้งทำหล่นหายหรือโดนปล้นชิงจึงต้องรอบคอบให้ดีนะครับ ด้านสุขภาพปีนี้ชาววอกอาจเดินทางบ่อยจึงต้องระวังปัญหาสุขภาพจากการเดินทางหรือการอ่อนเพลียจากการเดินทาง แต่เคราะห์หนักจะไปอยู่ที่อาจโดนโจรขึ้นบ้าน จึงต้องระวังให้หนักครับทางที่ดีไปไหนมาไหนพกคู่หูหรือว่าบอกคนที่บ้านไว้ก่อนก็ดี

สรุป ปีนี้ชาววอกกำลังจะก้าวไปในทางที่ดี ทั้งมีผุ้ใหญ่ให้การอุปถัมภ์ แต่พึงระวังเรื่องทรัพย์สินหาย โดนจี้ชิงปล้น วางแผนการงานอะไรให้รอบคอบรับรองว่าปีนี้คุณวอกทั้งหลายมีความสุขแน่นนอนครับ

การทำบุญปีนี้ชาววอกนั้นควรทำบุญให้มากเพราะมีเคราะห์เรื่องของหาย ชาววอกควรทำบุญเป็นเคล็ดคือเมื่อเวลาได้เงินมาให้แบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญสังฆทาน จะแก้เรื่องเงินมาแต่ใช้หมดได้โดยควรทำสังฆทานอาทิตย์ละครั้ง ก็ดีครับ ส่วนแก้เคราะห์โดนจี้ชิงปล้นนั้นให้ถวายเครื่องอัฐบริขาร หากทุนทรัพย์น้อยก็ให้ถวายบาตรพระก็ได้ แก่พระภิกษุสงฆ์เป็นการแก้เคล็ดเรื่องการโดนจี้ปล้นชิงทรัพย์และอุบัติเหตุจากการเดินทางครับ

เคล็ดการไหว้พระประจำปีนี้ เนื่องจากปีวอกปีนี้มีมงคลมากแต่ก็มีเคราะห์จากการเดินทาง ชาววอกควรไปไหว้ รอยพระพุทธบาท ที่สระบุรี หรือ ตามล้านนาที่มีรอยพระพุทธบาทอยู่ รวมทั้ง รอยพระพุทธบาทจำลองที่ วัดสุทัศน์เทพวราราม และอีกที่ วัดบวรนิเวศก็ได้ เพื่อขออำนาจบารมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าให้คุ้มครองแคล้วคลาดปลอดภัยในการเดินทางและประสบความสำเร็จในการทำงานจากการเดินทาง และทั้งนี้ชาวปีวอกควรไปไหว้ พระพิชิตชัย(เจ้าพ่อเห้งเจีย)ที่วัดมังกรกมลาวาส ซึ่งท่านเป็นเทพผู้รักษาปีวอก ขอให้ท่านเมตตาประทานพรให้มีแต่ความสำเร็จหมดเคราะห์หมดโศกได้ครับ และการพกวัตถุมงคล นอกจากพระกริ่งที่ห้อยได้ทุกนักษัตรแล้ว ชาววอกควรสวมวัตถุมงคลรูปพระหนุมาน หรือรูปพระพิชิตชัยจะทำให้ท่านประสบความโชคดีแคล้วคลาดปลอดภัยตลอดปีครับ





สำหรับปีระกาปีนี้คงหนักหน่วงมากอีกปีหนึ่งของชาวระกา ปีนี้ไม่ดีเลยสำหรับคนปีระกา คนปีระกาปีนี้ต้องทำบุญให้มากๆ เพราะในเกณฑ์ชะตาจะมีเภทภัยครั้งใหญ่อาจจะต้องสูญเสียหรือได้รับภัยจากคดีความครั้งใหญ่ ปีนี้หน้าที่การงาน จะค่อนข้างมีความวุ่นวาย ในกิจการงานชาวระกาคงต้องทน และอดกลั้นอารมณ์ของตนเอาไว้ให้ได้ ใจร้อนวู่วามจะเสียการใหญ่ จะทำอะไรก็ให้คิดให้ดี หากงานที่ทำมีปัญหาขัดแย้งให้ชาวระกาหยุดหรือลาพักร้อนเลย ช่วงต้นปีและกลางปีงานมีปัญหามากจะดีช่วงปลายปี สามเดือนสุดท้าย ที่สำคัญการเจรจาต่อรองอะไรไม่ว่าทางการค้าและธุรกิจจำต้องคิดให้หนักรอบคอบมากๆๆสิ่งใดที่ทำคนเดียวให้รีบทำอย่าไว้ใจคนจักมีคนหักหลัง จนงานเสียหายจนเกิดคดีความ ปีนี้ระกาเลี่ยงได้ก็ต้องพยามทนๆๆและขันติ น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก ปีนี้ระกามีเคราะห์มากก็ไม่ควรออกไปเที่ยวเตร่สังคมเว้นแต่ทำเพื่องาน ควรอยู่บ้านสวดมนต์ไหว้พระ บุญบารมีจากการภาวนาจะช่วยพลิกให้กลับร้ายคลายดีได้ ด้านการเงิน ควรที่จะเก็บเงินไว้ให้มากจัดบริหารการเงินให้ดีและ ไม่ควรลงทุนในระยะยาวไม่คุ้ม ระวังจะได้ไม่คุ้มเสีย และไม่จำเป็นก็ให้อยู่กับบ้านไหว้พระสวดมนต์สมาทานศีลดีที่สุด เพราะหากออกจากบ้านอาจจะต้องมีเกณฑ์เสียทรัพย์ด้วย ด้านสุขภาพ ปีนี้ระกาไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆๆเพียงแต่จะมีโรคเครียด หรือมีอุบัติเหตุได้ ก็ควรรอบคอบและพยามนั่งสมาธิ ปล่อยวางทุกอย่างจะช่วยผ่อนคลายได้มากครับ

สรุปปีนี้ชาวระกาต้องใช้ความอดทนและขันติเข้าแก้ปัญหาต่างๆ หากเครียดหรือเหนื่อยให้พักจากงานไหว้พระทำบุญก็จะช่วยคุณระกาทั้งหลายได้เป็นอย่างดีครับ

การทำบุญ ปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีของชาวระกาเอาเสียเลย ให้ไปฝากดวงที่วัดมังกรแล้ว ควรเตรียมสังฆทาน และผ้าขาวกว้าง2เมตร ไปที่วัดใดๆๆก็ได้ นิมนต์พระสงฆ์ทำบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายให้จะได้แก้เคราะห์ทั้งหลายที่รุมเร้าออกไปได้ แล้วสิ่งที่ควรทำ คือปีนี้คนระกาควรไปร่มงานบุญบวชพระหรือสามเณรให้มากๆๆไปร่วมเป็นเจ้าภาพหรือร่วมทำบุญกับพระใหม่ด้วยอานิสงส์ร่วมบุญคนบวชพระ-สามเณรนั้นจะทำให้คนปีระกาแก้เคราะห์ต่างๆๆไปได้

เคล็ดการไหว้พระ ปีนี้เป็นปีที่แย่ที่สุดของคนปีระกา ปีระกาจึงควรไปกราบพระธาตุหริภูญไชย อันเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีระกา หรือจะเป็นพระบรมบรรพต ภูเขาทองก็ได้เพราะชาวระกามีเคราะห์หนักมากควรไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในเจดีย์ทองเพื่อเป็นเคล็ดขอบารมีพระบรมสารีริกธาตุประจำปีเกิด หากท่านไปพระธาตุหริภูญไชยไมไ่ด้ก็ควรไปพระบรมบรรพตภูเขาทองเพื่อเป็นเคล็ดเอาพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานในเจดีย์สีทองซึ่งสว่างไสวนำเอาแสงสว่างมาขับไล่ความมืดออกไปจากดวงชะตา และควรไปกราบพระมหากัจจายนะด้วยเพราะพระมหากัจจายนะท่านเป็นผู้นำพระธาตุมาไว้ที่เจดีย์พระธาตุหริภูญไชยอันเป็นปีเกิดของชาวระกา สำหรับพระที่พกนอกจากพระกริ่งแล้ว คนระกาควรพกพระรอดไว้เพื่อเป็นเคล็ดรอดปลอดภัยในปีที่แสนลำบากนี้ครับ





สำหรับชาวปีจอปีนี้เป็นปีที่เกื้อหนุน คนปีจออย่างมาก เป็นปีที่ดีที่สุดในรอบหลายๆๆปีเลยสำหรับคนปีจอ สำหรับหน้าที่การงานในปีนี้ ชาวปีจอนั้นจะมีโอกาสได้เลื่อนขั้น ขยายงาน หรือมีผู้ชูชุบอุปถัมภ์ ปีนี้ชาวจอจะได้มีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงาน หรือเจ้านาย ให้โชว์ฝีไม้ลายมือในการทำงาน ได้อย่างเต็มที่ ท่านที่เป็นเจ้าของกิจการก็อาจจะได้ผลกำไรอันน่าพอใจพร้อมทั้งมีโอกาสทำโปรเจคในการขยายงานให้ก้าวหน้าไปได้ด้วย หรือท่านที่ติดเรื่องการเจรจาทางธุรกิจ ปีนี้จะสมหวัง แบบไม่คาดคิด แถมชาวจอที่เป็นวัยก่อน30ปีอาจจะได้รับโชคให้ไปดูงานหรือศึกษาต่อ จากองค์กรหรือบริษัท และคนจอ อาจจะได้ไปดูงานและมาขยายโปรเจคของบริษัท หรือศึกษาต่อนำสิ่งเป็นประโยชน์มาใช้ในองค์กร อันอาจจะทำให้ได้รับเลื่อนงาน หรือเงินเดือนขึ้นด้วยครับ แต่ให้ระวังเพราะการได้เลื่อนงาน หรือ ได้เจ้านายค้ำชูนี่จะเป็นเหตุแห่งการริษยาให้พยามทำตัวให้คงที่มากที่สุดครับ ด้านโชคลาภ ปีนี้เป็นปีที่ท่านจะสามารถเก็บเงินเก็บทองให้ได้มากที่สุดควรตั้งหน้าตั้งตาเก็บหอมรอมริบไว้ พยามนึกตรองว่าสิ่งใดควรใช้หรือไม่ควรใช้ และพยายามอย่าไปเสี่ยงโชคหรือการพนัน ไม่อย่างนั้นจะทำให้ดวงการเงินของท่านมีปัญหาได้นะครับ ห่างอบายมุขแล้วจะสบาย ด้านสุขภาพ ปีนี้ชาวจอ เป็นปีที่ปลอดโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรง แต่ไม่ควรออกไปเสพสราญกลางคืนนักเพราะจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมอาจส่งผลถึงตำแหน่งงานและหน้าที่ได้ครับ

สรุปปีนี้ชาวจอเป็นปีที่เป็นมงคลของคนปีจอ จะทำสิ่งใดย่อมประสบความสำเร็จ การงานรุดหน้า ทั้งด้านโชคลาภเงินทอง หรือสุขภาพ สิ่งที่พึ่งระวังคือการให้ร้ายและริษยาแก่คนที่พลาดหวังในงานร่วมงานกับเรา เป็นสิ่งที่คนจอต้องระวังให้มาก ถ้าระวังได้จะทำให้ปีที่จะถึงนี้ชาวจอจะมั่นคงดั่งภูผาครับ


การทำบุญปีนี้ชาวจอเป็นปีที่เป็นมงคลของชาวจอ ชาวจอควรไปถวายปัจจัยหรือภัตตราหารเพลแด่พระสงฆ์หรือสามเณร หากไม่สะดวกในการถวายอาหารก็ให้ ไปใส่ตู้บริจาค ภัตราหารแด่พระภิกษุและสามเณร จะทำให้คนปีจอมีเคล็ดกินอิ่มสบายไปตลอดปีครับ และควรซื้อข้าวสารไปถวายวัดเพื่อเคล็ดมีกินมีใช้ไม่ขาดมือด้วยครับ

การไหว้พระปีนี้ คนปีจอควรไปกราบ หลวงพ่อพรพะศรีอาริยเมตไตรย์หรือ หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร เพราะหลวงพ่อโตเป็นพระปางอุ้มบาตรเพื่อเป็นเคล็ดว่า พระอุ้มบาตรไม่มีอดครับ และนอกจากนี้ ควรไปกราบขอพรสมเด็จพระพุฒาจารย์โต สวดคาถาชินบัญชรถวายท่าน จะเป็นมงคลทำสิ่งใดก็ปราศจากคนคิดร้ายครับ สำหรับวัตถุมงคลคนปีจอ ปีนี้นอกจากพระกริ่งแล้ว คนปีจอควรใส่พระสมเด็จ พิมพ์เจดีย์ ของคณาจารย์ท่านไหนก็ได้ (แต่ผมขอแนะนำของวัดใหม่อมตรส เพราะมีผงเก่าของสมเด็จโตด้วยราคาเบามาก) เพื่อเป็นเคล็ดดี เจริญตลอดปีครับ



ปีนี้สำหรับชาวกุนก็เป็นปีที่เป็นคู่มิตรกับชาวเถาะ ปีนี้เป็นปีที่ไม่มีคลื่นลมให้ผันผวนมากนักกิจการ การงานหน้าที่ก็เป็นไปตามไปตามหน้าที่ซึ่งดูเหมือนจะราบเรียบไม่มีสิงใดที่คุณจะต้องหนักใจนัก คนปีกุนปีนี้ เป็นปีที่ต้องคบและสานความสัมพันธ์ร่วมมือกันให้มากกว่านี้ เพราะเกณฑ์ชะตาของคุณเป็นความสำเร็จโดยร่วมมือกันกับคนอื่นเท่านั้น หน้าที่การงานปีนี้คนปีกุนมีความมั่นคงในงานมาพอประมาณ แต่พึงระวังจะมีคนที่ไม่ถูกใจในตัวของชาวกุนแอบเป็นคลื่นใต้น้ำ ฉะนั้นจึงควรประสานความสัมพันธ์ให้ดีนะครับ ด้านโชคลาภ ปีนี้ชาวกุนนั้นต้องเดินทำการด้วยตนเองลาภผลได้มาจากที่ทำงาน ปีนี้ก็เข้าข่ายงานเยอะเงินน้อยครับ ด้านสุขภาพ ปีนี้ชาวกุนให้ระวังอุบัติเหตุจากการไปเที่ยวไม่ควรไปทางน้ำเด็ดขาด ส่วนโรคภัยไข้เจ็บไม่มี

สรุปปีนี้เป็นปีที่ชาวกุนต้องมั่นมีสติและคิดอ่านการใดต้องรอบคอบรวมทั้งสานสัมพันธ์รอบๆๆด้านด้วย เรียกว่า ปีนี้งานเยอะ แต่เงินน้อย ไม่มีลาภลอยผ่านเข้ามาในชีวิต หากทำได้จะทำให้ปีนี้เป็นปีที่เข้มแข็งของชาวกุนครับ

การทำบุญ ปีนี้คนปีกุนควร พิมพ์หนังสือสวดมนต์ไปถวายวัดเพื่อเป็นเคล็ดให้มีปัญญาในการแก้ปัญหาที่จะเข้ามารอบด้าน ไปทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์จะช่วยลดเคราะห์ที่จะเกิดจากอุบัติเหตุได้ครับ นอกจากนี้ควร สวดมนต์ภาวนา พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์ืโปรดสัตว์ให้มากๆ จะแก้ขัดในปัญหาเรื่องการเงินได้ครับ

การไหว้ประจำปี ปีนี้คนปีกุนควรไปไหว้พระเจดีย์วัดสระเกศ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นเคล็ดในการเสริมชะตาราศีของตน แล โดยเตรียมพวงมาลัยมะลิล้วนและธูปหอม16ดอกไปกราบเพื่อขอพร และนอกจากนี้เพื่อเป็นการเสริมในเรื่องการงานและปัญญา คนชาวกุน ควรเตรียมพวงมาลัยดาวเรือง กล้วย ส้ม นม และ น้ำหวาน ไปกราบองค์พระแม่สุรัสวตี ที่ในโรงเรียนภารตะวิทยา ข้างวัดสุทัศน์ ขอพรจากพระแม่สุรัสวตีให้มีปัญญา สามารถเอาชนะอุปสรรค์ต่างๆๆทั้งปวงได้ด้วยปัญญา และการพกวัตถุมงคล นอกจากพระกริ่งที่สวมใส่ได้ทุกวันแล้ว คนปีกุนควรพกเครื่องราง หรือพระรูปเจ้าแม่กวนอิม เพื่อเอาพระบารมีของท่านมาช่วยให้ผ่านพ้น วิกฤติไปด้วยดีครับ

วันพฤหัสบดี, กันยายน 15, 2554

คำนาม

คำนาม คือ คำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ อาคาร สภาพ และลักษณะทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม คำนามแบ่งออกเป็น 5 ชนิด

1. สามานยนาม ( คำนามทั่วไป )

2. วิสามานยนาม ( คำนามเฉพาะ )

3. สมุหนาม ( คำนามบอกหมวดหมู่ )
4. ลักษณนาม ( คำนามบอกลักษณะ )

5. อาการนาม ( คำนามบอกอาการ )

1. สามานยนาม คือ คำนามสามัญที่ใช้เป็นชื่อทั่วไป เช่น หนู เป็ด โต๊ะ บ้าน หรือเป็นคำเรียกสิ่งต่างๆ โดยทั่วไป  ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น คน , รถ , หนังสือ, กล้วย เป็นต้น สามานยนามบางคำมีคำย่อยเพื่อบอกชนิดย่อยๆของสิ่งต่างๆ เรียกว่า สามานยนามย่อย เช่น คนไทย, รถจักรายาน, หนังสือแบบเรียน , กล้วยหอม เป็นต้น

ตัวอย่างของสามานยนาม เช่น

ดอกไม้อยู่ในแจกัน
แมวชอบกินปลา

2. วิสามานยนาม คือ คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สถานที่ หรือเป็นคำเรียกบุคคล สถานที่เพื่อเจาะจงว่าเป็นคนไหนสิ่งใด เช่น นายอัตถ์ ตูบ หรือ ชื่อวัน ชื่อเดือน เช่น วันจันทร์ เดือนมกราคม หรือชื่อจังหวัดธรรมศาสตร์ , วัดมหาธาตุ , รามเกียรติ์ เป็นต้น

ตัวอย่างของวิสามานยนาม เช่น

นิดและน้อยเป็นพี่น้องกัน
อิเหนาได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดของกลอนบทละคร

3. ลักษณนาม คือ คำนามที่ทำหน้าที่ประกอบนามอื่น เพื่อบอกรูปร่าง ลักษณะ ขนาดหรือปริมาณของนามนั้นให้ชัดเจนขึ้น เช่น รูป , องค์ , กระบอก เป็นต้น

ตัวอย่างของลักษณนาม เช่น

คน 6 คน นั่งรถ 2 คน

ผ้า 20 ผืน เรียกว่า 1 กุลี

4. สมุหนาม คือ คำนามบอกหมวดหมู่ของสามานยนาม และวิสามานยนามที่รวมกันมากๆ เช่น ฝูงผึ้ง , โขลงช้าง , กองทหาร เป็นต้น

ตัวอย่างของสมุหนาม เช่น

กองยุวกาชาดมาตั้งค่ายอยู่ที่นี่

พวกเราไปต้อนรับคณะรัฐมนตรี

5. อาการนาม คือ คำเรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีขนาด จะมีคำว่า "การ" และ "ความ" นำหน้า เช่น การกิน , กรานอน , การเรียน , ความสวย , ความคิด , ความดี เป็นต้น

ตัวอย่างของอาการนาม เช่น

การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่ต้องใช้ความเร็ว
การเรียนช่วยให้มีความรู้

ข้อสังเกต คำว่า "การ" และ "ความ" ถ้านำหน้าคำชนิดอื่นที่ไม่ใช่คำกริยา หรือวิเศษณ์จะไม่นับว่าเป็นอาการนาม เช่น การรถไฟ , การประปา , ความแพ่ง เป็นต้น คำเหล่านี้จัดเป็นสามานยนาม

หน้าที่ของคำนาม

1. ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น น้องร้องเพลง ครูชมนักเรียน นกบิน

2. ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น แมวกินปลา ตำรวจจับผู้ร้าย น้องทำการบ้าน

3. ทำหน้าที่เป็นส่วยขยายคำอื่น เช่น สัตว์ป่าต้องอยู่ในป่า ตุ๊กตาหยกตัวนี้สวยมาก นายสมควรยามรักษาการเป็นคนเคร่งครัดต่อหน้าที่มาก

4. ทำหน้าที่ขยายคำกริยา เช่น แม่ไปตลาด น้องอยู่บ้าน เธออ่านหนังสือเวลาเช้า

5. ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มของคำกริยาบางคำ เช่น เขาเหมือนพ่อ เธอคล้ายพี่ วนิดาเป็นครู เธอคือนางสาวไทย มานะสูงเท่ากับคุณพ่อ

6. ทำหน้าที่ตามหลังบุพบท เช่น เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว พ่อนอนบนเตียง ปู่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล

7. ทำหน้าที่เป็นคำเรียกขาน เช่น คุณครูคะหนูยังไม่เข้าใจเลขข้อนี้ค่ะ คุณหมอลูกดิฉันจะหายป่วยไหม นายช่างครับผมขอลากิจ 3 วัน

ที่มา http://nongsarai.net/learn_center/thai/noun.htm

วันจันทร์, กันยายน 05, 2554

สูตรอาหารล้างระบบดูดซึม

1. นมสด โยเกร์ต น้ำผึ้ง มะนาว : ใช้โยเกิร์ตชนิดจืดครึ่งถ้วย ผสมนมสดชนิดจืด 1 กล่อง เติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา และ บีบมะนาว 2 ลูก คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วค่อยดื่ม
คุณสมบัติ : ให้วิตามิน B บำรุงสมอง วิตามิน C เพิ่มภูมิต้านทาน, จุลินทรีย์ตัวดีช่วยย่อย, นมสดให้แคลเซียม

2. บอระเพ็ดยาว 1 เกียก (กางนิ้วชี้ให้ห่างจากหัวแม่โป้งที่สุด แล้ววัดความยาวระหว่างปลายนิ้วชี้ กับ ปลายนิ้วโป้ง) ต้มน้ำ ดื่มแต่น้ำ บอระเพ็ดล้างไขมัน บำรุงถุงน้ำดี

3. ดีบัว ต้มน้ำ ดื่มแต่น้ำ

4. ชามะละกอ : มะละกอดิบ ที่ใช้ตำส้มตำ นำมาหั่นเป็นชิ้นเหมือนชิ้นฟัก ประมาณ 6-8 ชิ้นต่อน้ำ 2 ลิตร จะขาดจะเกิน ไม่ผิด (ถ้าใส่มากเกินไปจะทำให้บูดง่าย มะละกอดิบที่เหลือ ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ใช้ได้ในครั้งต่อไป) และ ใบเตย หรือ เก๊กฮวย อย่างใดอย่างนึง กะเอง ต้มในน้ำ จนเดือด พอเดือดได้ประมาณ 1 นาที ปิดไฟทันที อย่าต้มต่อ ให้เอามะละกอ กับ ใบเตยทิ้ง (อย่าปล่อยให้มะละกอเดือดจนเละ) แล้วใส่ใบชา ลงไปแช่ประมาณ 4 นาที ห้ามแช่นานกว่า 4 นาทีเพราะสารแทนนินจะออกมา ทำให้ท้องผูก แล้วตักใบชาทิ้ง จะได้น้ำชามะละกอ ดื่มร้อน หรือ เย็นได้ น้ำชาที่เหลือให้แช่ตู้เย็น เก็บไว้ได้ประมาณ 2 วัน เกินกว่านั้นจะบูด (ยางมะละกอล้างไขมัน, ใบเตยให้ความสดชื่น, ชาดับกลิ่นมะละกอ) ชมวิดิโอสาธิตการต้มชามะละกอได้ ข้างล่าง

วันเสาร์, สิงหาคม 20, 2554

เหรียญสองด้าน กับ ชีวิตคน


    คนเราก็เหมือนเหรียญสองด้าน มีทั้งขาวกับดำ หยินกับหยาง


คนทุกคนก็ล้วนมีด้านมืดกับด้านสว่างด้วยกันทั้งนั้น

เราควรเลือกที่จะคบและมองเขาที่ด้านดี 

    ด้านไม่ดีของเรา เราก็ควรเลือกที่จะวางเฉย

คิดว่าเป็นธรรมชาติของเขา คนเราคงไม่มีใครเปลี่ยนใครได้ทุกคนหรอก

เราคงไม่สามารถทำให้คนทั้ง 100 คนมารักเราได้
แค่มีหนึ่งคนที่รักเรา ก็ยังดีกว่าไม่มีรักและหวังดีกับเราเลย

เช่นเดียวกับบทความนี้  

เหรียญสองด้าน กับ ชีวิตคน


การที่เราจะคบใครสักคนหนึ่ง ไม่ว่าจะในฐานะอะไร

โปรดจำไว้ว่า.... มนุษย์ เป็นสิ่งที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบอยู่ในนั้น
อย่าตั้งใจกับคนหนึ่งคนมากเกินไป ....เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว

อย่าคาดหวังกับคนหนึ่งคนมากเกินไป ....เพราะไม่มีใครสามารถเป็นได้ทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น

อย่าให้เวลากับคนหนึ่งคนมากเกินไป
....เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว....คนเดียว

อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งคนมากเกินไป

....เพราะนั่นจะทำให้เขาไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง

อย่าควบคุมคนหนึ่งคนมากเกินไป

....เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีออกจากกฏเกณฑ์ที่ถูกกำหนด

และสุดท้าย..... อย่าบีบบังคับคนหนึ่งคนมากเกินไป

....เพราะถ้าคนๆนั้นหลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้


>>>>>>>>>>>>>>>>> คุณจะถูกหันหลังให้ในทันที !!!!!





วันอังคาร, สิงหาคม 16, 2554

คำศัพท์ภาษาเหนือ

คำศัพท์ภาษาเหนือ

คำศัพท์ตัวอย่าง(ภาษาเหนือ)

คำศัพท์ตัวอย่าง(ภาษาเหนือ)จำนวนนับ


1 = นึ่ง

2 = สอง

3 = สาม

4 = สี่

5 = ห้า

6 = ฮก

7 = เจ๋ด

8 = แปด

9 = เก้า

10 = ซิบ

11 = ซิบเอ๋ด

20 = ซาว

21 = ซาวเอ๋ด



พืช ผัก ผลไม้

มะละกอ = บะก้วยเต๊ศ

กล้วยน้ำว้า = ก้วยอ่อง / ก้วยนิอ่อง

มะตูม = บะปีน

ส้มเขียวหวาน = ส้มเกลี้ยง เขียวหวาน

แตงล้าน = ม่ะแต๋งซั้ง ( ร้านที่ทำให้เครือแตงพันขึ้นไป ทางเหนือเรียกว่า ซั้ง )

น้อยหน่า = ม่ะหน้อแหน้ / น้อยแหน้

บวบงู = ม่ะนอยงู

มะเขือเปราะ = บะเขือผ่อย

มะเขือยาว = บะเขือขะม้า - - ออกเสียง ม่ะเขือขะม่า / ม่ะเขือหำม้า

มะระขี้นก = บะห่อย

แตงกวา = บะแต๋ง

กล้วย = เชียงใหม่ เรียก ก้วยใต้ ลำปาง เรียก ก้วยลิอ่อง หรือ ก้วย โก๊ย

กล้วยน้ำว้า = ก้วยใต้

พุทรา = หม่ะตัน

ละมุด = หม่ะมุด

กระท้อน = บะตื๋น หมะต้อง

มะปราง = บะผาง

ฝรั่ง = บ่ะหมั้น,บะแก๋ว

ขนุน = หม่ะหนุน,บ่ะหนุน

มะพร้าว = บะป๊าว

ส้มโอ = บะโอ

ฟักทอง = บะฟักแก้ว /บะน้ำแก้ว/น้ำแก้ว

ฟักเขียว = บะฟักหม่น

มะแว้ง = บะแขว้งขม

มะเขือพวง = บะแขว้ง /บ่ะแขว้งกุลา

ลูกยอ = หม่ะต๋าเสือ

มะเขือเทศ = บะเขือส้ม

กระท้อน = บะตึ๋น

ตะไคร้ = ชะไคร

คึ่นช่าย = ผักกะพึน,กำพึน (กะปึน)

ผักตำลึง = ผักแคบ

ชะพลู = ผักแค ใบปูนา ปูลิง



สัตว์

จิ้งหรีด = จิ้กุ่ง,จิ้หีด

ค้างคก = ค้างคาก กบตู่

ลูกอ๊อด = อีฮวก

ปลาไหล = ปลาเอี่ยน ปลาเหยี่ยน

จิ้งเหลน = จั๊ก-กะ-เหล้อ

กิ้งก่า = จั๊ก-ก่า



เครื่องใช้

กรรไกร = มีดยับ มีดแซม

กระดุม = บะต่อม

เข็มขัด = สายแอว สายฮั้ง

ช้อน = จ๊อน

ทับพี = ป้าก

ถุงเท้า = ถุง**

ผ้าเช็ดตัว = ผ้าตุ้ม

ผ้าห่ม = ผ้าต๊วบ

ยาสูบ = ซีโย

รองเท้า = เกือก /เกิบ

รองเท้าฟองน้ำ = แค็บ



คำกริยา

กำปั้น หมัด = ลูกกุย

โกรธ = โขด

กลับ = ปิ๊ก (เช่น "เฮาปิ๊กบ้านละหนา")

กางร่ม = กางจ้อง

โกหก = วอก ขี้จุ๊

กิน = กิ๋น

ก่าย = ปาด อิง

ขโมย = ขี้ลัก

ขี่หลังคน(เกาะ) = เก๊าะ

ขี้เหนียว = ขี้จิ๊

คิด = กึ๊ด

เครียด = เกี้ยด

จริง = แต๊(เช่น "แต๊ก๊ะ" = "จริงหรอ")

เจ็บ = เจ๊บ

ใช้ = ใจ๊

ดู = ผ่อ

เด็ก = ละอ่อน

ตกคันได = ตกบันได

เที่ยว = แอ่ว

ทำ = ยะ(เช่น "ยะหยัง" = "ทำอะไร")

นั่งพับเพียบ = นั่งป้อหละแหม้

นั่งขัดสมาธิ = นั่งขดขวาย

นั่งยอง ๆ = นั่งข่องเหยาะ,หย่องเหยาะ

นั่งไขว่ห้างเอาเท้าข้างหนึ่งพาดบนเข่า = นั่งปกขาก่ายง้อน

นั่งวางเฉย นั่งหัวโด่ = นั่งคกงก(ก๊กงก)

นั่งลงไปเต็มที่ตามสบาย(โดยไม่กลัวเปื้อน) = นั่งเป้อหละเหม้อ, นั่งเหม้อ

พูด = อู้

รัก = ฮัก

รู้ = ฮู้

ลื่นล้ม = ผะเริด

วิ่ง = ล่น

สวมรองเท้า = ซุบแข็บ

สะดุด = ข้อง

สวยจังเลยนะ = งามหลายน้อ

สบายอกสบายใจ = ซว่างอกซว่างใจ๋

เหรอ = ก๊ะ

ห่วง = ห่วง (คำเมืองแท้ๆคือ อ่วง ว้อง หรือ ข๋าง)

เหนื่อย = อิด หม้อย

ให้ = หื้อ

อยาก = ไข

อยากอ้วก อยากอาเจียน = ใขฮาก

อร่อย = ลำ

อร่อยมาก = จ๊าดลำ

อย่าพูดมาก = จ๊ะไปปากนัก

อย่าพูดเสียงดัง = จ๊ะไปอู้ดัง

คิดไม่ออก = กึ๊ดหม่ะออก



คำวิเศษณ์ และอื่นๆ

ก็ = ก่

** = ง่าว

เช่น = เจ้น

ถึง = เถิง

ไม่ = หมะ(เช่น หมะใจ๊ = ไม่ใช้)

นะ = เน้อ(เช่น เน้อครับ = นะครับ)

เป็น = เป๋น

ร่ม หมายถึง ร่มเงา = ฮ่ม

ร่ม หมายถึง (ร่มกันแดด-กันฝน) = จ้อง

ใหญ่ = หลวง(เช่น "หูหลวง" = "หูใหญ่")

เหนียว = ตั๋ง

ทุก = กุ๊ (เช่น กุ๊ๆ คน= ทุกๆคน)

แบบนี้ อย่างนี้ = จะอี้

แบบนั้น อย่างนั้น = จะอั้น



คำนาม สรรพนาม[/b]

ฉัน = เปิ้น (สุภาพ) , ฮา(ไม่ค่อยสุภาพส่วนใหญ่ใชักับเพื่อนผู้ชาย)

เธอ = ตั๋ว(สุภาพ) , คิง(ไม่ค่อยสุภาพส่วนใหญ่ใชักับเพื่อนผู้ชาย)

เขา(สรรพนามบุรุษที่ 3) = เปิ้น

ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา = อุ้ย (เช่น แม่อุ้ย ป้ออุ้ย)

ผู้ชาย = ป้อจาย

ผู้หญิง = แม่ญิง

พวกเขา = หมู่เขา

พวกเธอ = สูเขา (สุภาพ), คิงเขา(ไม่ค่อยสุภาพส่วนใหญ่ใชักับเพื่อนผู้ชาย)

พวกเรา = หมู่เฮา, เฮาเขา

พ่อ = ป้อ

พี่ชาย = อ้าย,ปี่

พี่สาว = ปี่

ยี่สิบบาท = ซาวบาท

ยี่สิบเอ็ด = ซาวเอ็ด

เรือน = เฮือน

โรงเรียน = โฮงเฮียน

อิฐ = บ่าดินกี่

คำเล่าลือ = กำสีเน

ปฏิทิน = ปั๊กกะตืน คำเมืองแท้ๆจะแปลว่าปฏิทิน







สี

ดำคึลึ = คนอ้วนล่ำผิวดำ

ดำผืด = ฝูงนกฝูงกาขนดำอยู่เป็นฝูง

ดำคุมมุม = ดำสลัวอยู่ในความมืด

ดำขิกติ้ก = ดำซุปเปอร์

ดำคิมมิม = คนผอมกระหร่อง ผิวดำ

ดำเหมือนเเหล็กหมก = ดำเหมือนเหล็กไหม้ไฟ

ดำเหมือนหมิ่นหม้อ = ดำเหมือนเขม่าติดหม้อดินที่ไหม้ไฟ

ดำผึด = ดำทั่วทั้งแถบ

ดำผึดำผึด = ดำมากๆทั่วๆไป

แดงฮ่าม = แดงอร่าม

แดงเผ้อเหล้อ = แดงเป็นจุดใหญ่จุดเดียว

แดงปะหลึ้ง = แดงจัดมาก

แดงปะหลิ้ง = แดงอมชมพู แดงเป็นจุดเล็กๆ

เหลืองฮ่าม = เหลืองอร่าม

เหลืองเอิ่มเสิ่ม = เหลืองอมส้ม

เขียวอุ้มฮุ่ม = เขียวแก่

เขียวปึ้ด = เขียวจัดมาก

มอยอ้อดฮ้อด = สีน้ำตาลหม่น

ขาวจั๊วะ = ขาวนวล

ขาวโจ๊ะโฟ้ะ = ขาวมากๆ

ขาวเผื้อะขาวเผือก = มองไปทางไหนก็ขาวไปหมด

เปิดเจ้อะเห้อะ = สีขาวซีด

หม่นซ้อกป้อก = หม่นมัวหรือเทาอ่อน

หม่นโซ้กโป้ก = หม่นสกปรกหรือสีเทาแก่

หมองซ้อกต๊อก = ดูเก่า หรือซีด จืดไป

เส้าแก๊ก = สีหม่นหมองมาก

เส้าตึ้มตื้อ = ใบหน้าหมองคล้ำ สีมืดไม่สดใส

ลายขุ่ยหยุ่ย = ลายพร้อย หรือลายเป็นดอกดวง

ใสอ้อดหล้อด = สดใสแบบอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

ใส่ยงยง = สว่างจ้า







แสง-เสียง

มืดแถ้ก = มืดสนิท

มืดสะลุ้ม = มืดสลัวๆ

มืดซุ้มซิ้ม = มืดนิดๆ

มืดวุ่ยวาย = มืดลางๆ ยังพอจำหน้ากันได้

แจ้งฮุมหุฮุมหู่ = สว่างลางๆเลือนๆ

แจ้งฮ่าม = สว่างจ้าสว่างเรืองรอง

แจ้งลึ้ง = สว่างโร่เห็นได้ชัด

แจ้งดีขวายงาม = สว่างปลอดโปร่งโล่งใจไม่มีอุปสรรค

หันวุยวาย = เห็นเลือนๆลางๆ

ดั้กปิ้ง = เงียบกริบ

ดั้กปิ้งเย็นวอย = เงียบเชียบ

ดั้กแส้ป = ไม่ได้ข่าวคราว

ดั้กก๊กงก = นั่งนิ่ง

ดังทึดทึด = เสียงดังก้องไปทั่ว



กลิ่น รส

เหม็นโอ๊ง, เหม็นโอ่ = เหม็นเน่า

จ๋างแจ้ดแผ้ด = จืดชืด

ขมแก๊ก = ขมมาก

ส้มโจ๊ะโล๊ะ = รสเปรี้ยวมาก

ฝาดหยั่งก้นตุ๊ = รสฝาดมาก

พืชผักผลไม้

17 มะละกอ มะละกอ ลอกอ ละกอ บักกอ มะกอ ไอ้กอ หมากกอ มะก้วยเต้ด บ่าก้วยเต้ด หม่าก้วยเต้ด มะเทด มะคะเต้ก บักฮุง มะหุง มะฮุง กะฮง มะฮง บักหุ่ง หมากฮูง หม่าหุ่ง หมากหุ่ง กล้วยหลา บะก้วยเต้ด บ่าเต้ด มะก้วยสะเปา ก้วยสะเปา เวาะบือเตะ แตหลา แมลอ ละฮ่อง ไปรฮอง ก๊อดจี สะกุ๊น เซซ่า เดี้ยงกวา บูว็อกมือติ หมากซางพอ

18 สับปะรด สับปะรด สับรด ส้มรด สำม่ะร่ด มะขะนัด บะขะหนัด หมากนัด บ่าขะหนัด หม่าขะหนัด ม่านัด มะนัด อึหนัด ลูกหนัด บักนัด ย่าหนัด ย่านหัด ฮะนัด มะขัด มะลิ หนุนทอง บักออ มะออ หม่าออ หมากออ เวาะลานัส ลานะห์ มะฮองนาด ระนัด มะเนื๊อะ ไปรอนาด รากกะตา แนะซ่า ไล้เจี๋ยว หมากเก๋ง

19 พุทรา บักทัน หมากทัน บะตัน มะทัน มะตัน มักทัน หมากกะทัน บักกะทัน กะทัน มะกะทัน บ่าตัน หม่าตัน หม่าทัน พุทรา ทรา ส้มทรา มักซา มะซา ปะซา เวาะดารอ กันเดริ๊ยะ ไปรทัน ไปรคร่า ไปลบักทัน อะโต่ ปะเตรีย มะเรีย หมากขอ

20 ขนุน ขนุน มะหนุน หนุน ลูกหนุน กะหนุน ลูกขือหนุน มะนุน บะหนุน บ่าหนุน หม่าหนุน ขนัน หมากมี่ บักมี่ มะมี้ หม่ามี้ มี บักหม เวาะนากอ ขนอ๊ล ขนอล ไปรมี่ อะนอล ไปรอะนัน อะแนล ไปลสะเดีย อะเนาะ เป๊อแหย่วซ่า หมากลาง

21 ฝรั่ง ฝรั่ง หรั่ง หมากสีดา บักสีดา มะสีดา มะสีดา สีดา ก้วยสะดา สะดา ย่าหมู ชมพู่ ชุมโพ่ มะก้วย บ่าก้วย บะก้วย มะก้วยก่า บ่าก้วยก่า บะก้วยเกี๋ยง มะก๋า มะแก๋ว มะก้วยแก๋ว มะอุ้ย บักโอ่ย หม่าโอ่ย หมากโอ่ย บะหมั้น หม่ามั่น บ่ามั่น มะมั่น บะหมุด มะปุน บักปุ่น บักกุ่น เวาะยามู ลูกมู ไปรเดีย ไปรสีดา มะเพา ละปู๊ด สะเดีย ตะแบก นังกา

22 น้อยหน่า น้อยหน่า น้ำหน่า น้ำแหน่ น้อยแหน่ มะน้อแน้ บะน้อแน้ บ่าน้อแน้ หม่าหน้อแหน้ มะนะแหน่ มะแน้ หมากเขียบ บักเขียบ มะเขียบ มักเขียบ บักเสียบ หม่าเขียบ บักเฉียบ มะเคบ ตีบ แลหนัง ผะหรั่ง เวาะนอแน ปีน่า ลอแน หมะเก็ดแฮด ไปรคีบ อึคีบ อะเริ่ด ซิคึ่ยซ่า โง้งจะตุ้ยเบี้ยว อังเคือบ อังเคียบ หมากโอจ่า

23 แตงโม แตงโม หมากแตงโม บักแตงโม มะแตงโม หมากโม บักโม มะโม หม่าโม แตงจีน มะเต้า บ่าเต้า บะเต้า หม่าเต้า ตีมุง ลูกแตง แตง หมากแตง มะแตงน้ำ แต๋งเต้า อุเลอะ ไปรแกลนโปง เมนฮ้อ อึแกล อะโยน ต่อแต๊ะซ่า กวาต๋ม อังแกนปูง

24 มันแกว มันแกว มันแก๋ว บ่ามันแก๋ว มันแก๋วละแวก มันแก๋วลาว มันแกวตะเภา มันแก๋วสำเภา มันสะเพา มันตะเพา มันเพา ถั่วกิ๋นหัว มันละแวก มันกินดิบ มันเทศ มันดั้ง หัวถั่ว หัวบ่าหวัง บังกวน หัวแป๊ะกัว ถั่วกก หัวกุ้ยเล้า อูบีกือแต ฮุบีกากง มัน บักเอิน มะขะตู๋ม เมนฮ้อ ตะโลงแกว อะปอง ปงแกว ปงเลีย ตำโลงบอ ตำโลงจะเวีย ปองเวียลฉะเพา แหยว่จ่อปา ตบด้อย ปองบูน หัวนังควะ หัวเอ็น ถั่วจงกว๊ะ

25 กระท้อน กะท้อน ลูกท้อน ส้มท้อน สะท้อน กระท้อน กะท่อน บักกะท้อน ท้อน มะตื๋น บะตื๋น บ่าตื๋น หมากตื๋น มะต้อง หมากต้อง บักต้อง บะต๊อน บ่าต้อง หมากกะต้อง บะต้อง มะตอง หม่าต้อง หม่าต๊อง เวาะซือโต ปิงเรียก ไปลกะทอน อะตัย แพตอง ปลายตอง อังตอง

26 กล้วยน้ำว้า ก้วยน้ำว้า กล้วยน้ำว้า ก้วยน่ำว่า ก้วยใต้ กล้วยลีอ่อง ก้วยถะนีออง กล้วยตานีอ่อง ก้วยมะลิอ่อง ก้วยอีอ่อง ก้วยอ่อง ก้วยออง กล้วยส้ม กล้วยน้ำ หมากก้วยน้ำ กล้วยเท่า กล้วย มะกล้วย บักกล้วย หมากก้วย กล้วยบาวมะระ กล้วยเด็กน้อย กล้วยขาว กล้วยตีบ กล้วยกาบบาง ปีแซกือละบาฆะ ปีแซเวาะ เจ๊กออง เจ๊กเจีย เจ๊กซอ เจกนำวา เจกมะลีย เปรียด เปรียดถะนีอ่อง เปรียดน้ำว้า เปรียดมะลิ ไปลหมากตอง ปราดอเกิ่ง เซ่อกุ๊ยเซ่ซ่า ฒี้เบี้ยวซบ

27 มะเขือพวง มะเขือพวง บักเขือพวง เขือพวง ลูกเขือพวง มะแคว้งกูลา บ่าแคว้งกูลา มะแขว้ง หม่าแขว้ง หมากแขว้ง บ่าแขว้ง บักแข้ง หมากแข้ง บ่าแข้ง มะแก้ง มะแข็ง มะแฮ้ง มะแค้ง มะเขือแว้ง เขือแว้ง ลูกมะแว้ง ลูกแว้ง บะแว้ง บะเขือแจ้ เขือข้อย เขือเมือง ลูกเขือเทศ เขือเทศ มะเขือช่อ หมากแข้งหม่าน ลูกเขือตูน มะเขือละคร มะเขือชุมพร มะเขือเม็ด มะเขือแขก เวาะตือรงมาโงะ เวาะตือรงแชแวง ตร๊อบจังกอม ไปรเกิ๊ง ไปรพักกะแวง อึเกิ๊ง มะแฟ้ง ฮะดงโยน

28 ถั่วลันเตา ถั่วลันเตา โทลันเต๋า มะถั่วลันเตา บ่าถั่วลันเตา หมากถั่วลันเตา ถั่วน้อย บะถั่วน้อย ถั่วแขก ถั่วยัด บักถั่ว ถั่วแฮ ถั่วแป ถั่วแปบ หมากแปบ บักแปบ มะแปบ ถั่วดิน ถั่วน้ำเต้า ถั่วเปาะ ถั่วอีเตาะ ถั่วเพา ถั่วปี ถั่วกะแว กาแจกือปะ กาแจ กาแกโชยา ปะเปียบ สะแนก จะตอง กำเปอย สะแนกลันเตา กะตองลันเตา บอยลันเตา พะเพียยอะกาจร ตบกาม ละเปีอย

29 มะระ มะระ มะละ ลูกระ มระ บักระ หม่าระ หมากฮะ บักฮะ มะฮะ อึมระ มะห่อย บ่าห่อย หม่าห่อย บะห่อย ม่าเหิด หมากผักไซ บักผักใส่ ผักไซ หมากไซ บักไซ หมากซะไล มะสะไหล่ มะสะหลั่ย หมากผักไห่ ผักไห่ บักฟักไร่ มะขี้ตูด ลูกคุระ บะน้อย เวาะบียอ เวาะแตแล๊ะ มะเรี๊ยะ มะเจียะ ไปลมะหราะ อะเว อะแนบ อะโนง ซอถ่าซะ หม่ากูมกาม

30 กะชาย กระชาย กะชาย หัวชาย ไข่ชาย กะซาย ขิงซาย ขิงโคก ขิง ขิงกะชาย กระเจือย กะเชือย ดับซาว หัวละแอน แคง ตือมึงกูจิง กูยิบูเต๊ะห์ ดาโฮงกือสิง ปาฮองกูจา เทรีย ขึ้นส่าย ซูงเจี้ยะ อะซาย ห้งป่า กูชาร์

31 มันสำปะหลัง มันสำปะหลัง มันงิ้ว มันต้าง ผักต้าง มันเทศ มันต้น เมนต้น หัวมัน มันตาหนี มันไม้ มันโท้ มันโหรง มันสำโหรง มันล่า มันกอ มันทุ้ง มันห้านาที มันฮาก มันละอู มันซางพอ มันสะหลาง อูบีกายู อูบีแตลอ ปวาลวง แหยว่เซ เดี้ยงด้วย ตัลโลงเจ็น ฉะปอง ตะโลงโกร ตัลโลงสำปะหลัง ปงทอล อะปง ปงคา ปองสัมปะลัง วุ่นบาง ตำโรงปรำนาที ปองฮาม โหเม้น หม่าเหิด

32 หัวปลี หัวปลี หัวปี๋ หัวปี ปี๋ บักปี ปลีกล้วย ปลี ปี่โก้ย ปีก้วย หมากปี ดอกกล้วย ยวงเหล็ก บักสามเดือน ป๊อจ๊อ กูบิ ตะโยงเจ๊ก ยาตง จ.กะใยปลี๊ด ปองเปรียด ฮะโต้ะปราด เส่อกุ๊ยโด่โค่ ฒี้เบี้ยวต่อง

33 พริก พริก หมากพิก บักพิก พิก ลูกเผ็ด หมากเผ็ด หม่าเผ็ด ดีปลี ลีปลี มะเอือด มะขวิด มะขิด ลูกจีน หมะเผ็ด มะเผ็ด บักเผ็ด ลาดอ จาแบ ลูดโดด มะติ๊ เถ อะหราด อึนเตะ มะแทะ มื๊อซ่า ฟั้นจิ่ว อำปี

34 ฟักทอง มะน้ำแก้ว บ่าน้ำแก้ว หมากอึ บักอื๋อ มะอึ บักอึ หมากอื๋อ มะอุ๊ น้ำเต้า เต้าเทศ น้ำเต้าเทศ ฟักทอง บะฟักแก้ว หม่าฟักแก้ว บ่าฟักแก้ว มะฟักแก้ว ฟักแก้ว ฟักเหลือง หมากฟัก หม่าฟัก บะฟัก มะฟัก ลูกฟัก บักฟัก แตงทอง เวาะลาบู ระปูว กะผาว อะดึ๊อ กะเปา มะอูบ ปอยทอ หลู่เคซ่า ฟั้นโบ้ว

35 ข้าวโพด (ชนิดที่คนรับประทานโดยต้มใส่เกลือ) ข้าวโพด เข้าโคด โพด กะโพด กะโพ๋ด เข้าโปด ข้าวโป้ด เข้าโผดต้ม ข้าวโพดต้ม ข้าวสาลี เข้าสาลี หมากสาลี มะสะลี สะลี สาลี หมากสีลี มะสาลีหวาน สาลีกิน ข้าวป้าง ข้าวสโล ข้าวโดง คง ยาฆง ปู๊ด หมากสะลอย สะโก่น บือเคซ่า กะแหมะบยุด จะปัว ข้าวแข่

36 ข้าวโพด (ชนิดที่เอาไปทำเป็นแป้ง) ข้าวโพด เข้าโคด โพด ปู๊ด กะโพ๋ด กะโพด ข้าวโป้ด แป้งข้าวโพด แป้งข้าวโคด ข้าวโพดแป้ง ข้าวสาลี เข้าสาลี หมากสาลี มะสะลี สาลี แป้งสาลี หมากสีลี ข้าวโพดสาลี หมากสาลีแดง มะสาลีเข้าเหนว หมากสาลีเลี้ยงสัตว์ ข้าวป้าง ข้าวป้างแป้ง เข่าฟ่าง ข้าวโดง ข้าวโอ๊ด ข้าวสโล คง ข้าวแข่ ปาตียาฆง ตือปงดือบู ยาฆง คาโหนง เหวอะซะโก่น บือเคซ่า กะแหมะจิ้ จะปัว

37 เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เม็ดหมากม่วงหิมพานต์ เม็ดบักม่วงหิมพานต์ เม็ดบ่าม่วงหิบบานต์ เม็ดมะม่วงหิมปาน ในหมากม่วงหิมพานต์ ในบักม่วงหิมพานต์ บักม่วงหิมพานต์ เม็ดบักม่วงอินเดีย ในบักม่วงอินเดีย บักม่วงก้นงอ บ่ม่วงแตดห้อย ม่วงเล็ดล่อ ย่าร่วง ยาโห้ย เม็ดกาหยี ลูกท้ายล่อ ม่วงหัวชน หัวครก ม่วงชูเล็ด เม็ดม่วง หมากม่วงแกนนอก ม่วงล่อ เม็ดมะโป้ง มะม่วงกะลา บักก้นต่อ มะม่วงจิโห่ บูเตแตแร กาหยู ดากแหร ลูกแตแหร หน่วยแกแหร สวายกะดอกะเลิด กลางไปลขวาง กรองไปรกองหิมพาน บักม่วงซิลอละเก ไปลคอง กลองข่องกลัยเขล็ด เม๊ะเกริกหิมพานต์

38 ดอกลั่นทม ดอกลั่นทม เดาะลั่นทม กอหลั่นทม ดอกขอม ดอกจำปาลาว ดอกจำปาขาว จำปาแดง จำปาขอม จุมปาลาว จุมป๋า จำปา ดอกจำปา เดาะจำปา ดอกไม้จีน ดอกเข่า ดอกคันของ ดอกกะเลา บูฆอกูโบ บูงอจีนอ บูงอฆายอ กันตุมลุย ปกาจำไป ปีลลั่นทม เปลียนจำปา ปะกาจำปา ปากาลั่นทม ปีน เปลี่ยนจำปี พอบ่ออึ หมอกจ่ำแป่

วันเสาร์, สิงหาคม 13, 2554

คาถาสะเดาะเคราะห์ (ต่ออายุ)

(ให้ภาวนาทุกเช้า เย็น คนที่ดวงชะตาไม่ขาดก็ใช้ได้ ถือเป็นการต่อดวงชะตาชีวิต มีอานุภาพให้เกิดโชคลาภ และปราศจากอันตราย)


อิติปิ โส ภะคะวา พระอาทิตย์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระจันทร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระอังคารเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระพุทธเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระพฤหัสเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระศุกร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระเสาร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระราหูเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา พระเกตุเทวา วิญญาณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง

อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ

อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน

อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต

อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู

อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง

อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ

อิติปิ โส ภะคะวา ภะคะวา ภะคะวาติ









คาถาอารธนาพระเครื่อง

พุทธัง อาราธะนานัง ธัมมัง อาราธะนานัง สังฆัง อาราธะนานัง พุทธัง ประสิทธิ เม ธัมมัง ประสิทธิ เม สังฆัง ประสิทธิ เม

คาถาเมตตามหานิยม (คาถาพระสีวะลี)

พุทธังเมตตา นะ ชาลีติ ธัมมังเมตตา นะ ชาลีติ สังฆังเมตตา นะ ชาลีติ สีวะลีเมตตา นะ ชาลีติ โอมมะพะลัง วา ราชะกุมาโร วา ราชะกุมารี วา ราชา วา ราชินี วา คะหัฏโฐ วา ปัพพะชิโต วา สะมะโณ วา พราหมโณ วา อิตถี วา ปุริโส วา วาณิโช วา วาณิชา วา อุปาสะโก วา อุปาสิกา วา ทาระโก วา ทาริกา วา สัพเพ อิเม ชะนา พะหู ชะนา มัง ปิยายันตุ อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิ จิตตัง ปิยัง มะมะ มะหาลาภะสักการา ภะวันตุ เม

คาถาหลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา)

ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่าคาถานี้ทุกวันจะปลอดภัย ป้องกันอันตรายทั้งปวง ร่มเย็นเป็นสุขตลอดชีวิต อีกทั้งมีเมตตา มหานิยม ซื้อง่ายขายคล่อง นำมาซึ่งโภคทรัพย์


นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูพาลวินาศสันติ

นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มะหาปัญโญ สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง



คาถาหลวงปู่ทวด (วัดช้างให้ ตำบลป่าไร่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี)

นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติ ภะคะวา


(๓ จบ)

คาถาท้าวเวสสุวรรณ (จุดธูป ๙ ดอก)

อิติปิ โส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ


คาถาบูชาพระแก้วมรกตหรือคาถาบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

คาถาบูชาพระแก้วมรกต หรือ คาถาบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
(ประวัติพระแก้วมรกต เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ของไทย) ซึ่งจะใช้ คาถาบูชาพระแก้วมรกต เวลาสวดมนต์ กราบไหว้บูชาพระ ให้ระลึกถึงองค์พระแก้วมรกต


นะโม 3 จบ ก่อนแล้วกล่าวว่าคาถาบูชาพระแก้วมรกต


พุทธะ มะหามะณีระตะนะ ปะฏิมากะรัง ปูเชมิ

ทุติยัมปิ พุทธะมะหามะณีระตะนะ ปะฏิมากะรัง ปูเชมิ

ตะติยัมปิ พุทธะมะหามะณีระตะนะ ปะฏิมากะรัง ปูเชมิ

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มะหาเตโช เจวะ มะหาปัญโญ

จะ มะหาโภโค จะ มะหายะโส จะ ภะวันตุ เม

นิพพานัสสะ ปัจจะโย โหตุ (หรือเป็น วาละลุกัง สังวาตังวา)

ตั้งใจอธิษฐานจิต ปรารถนาสิ่งใดจะได้ตามใจสมประสงค์

วิธีบูชาพระไพรีพินาศให้เกิดผล

พระไพรีพินาศนั้นได้ชื่อว่ามีดีทางกำหราบศัตรูทั้งปวงที่คิดร้ายแต่คนที่ใช้อานุภาพต้องบริสุทธิ์คือ


1.อยู่ในศีลธรรมอันดีไม่คิดร้ายคนอื่นไม่มัวเมาด้วยโมหะคิดจะเอาชนะคนอื่นเป็นที่ตั้งไม่คิดร้ายต่อผู้คิด ร้ายหรือใส่ร้ายตน

2. ไม่ตอบโต้ด้วย กาย วาจา และใจคงมั่นนความสุจริตเป็นที่ตั้งแม้จะถูกรบกวนหรือให้ร้ายก็ยึดมั่นในอุเบกขา และสันติธรรม



เมื่อมีเหตุผลเช่นนี้แล้วจึงจะอาศัยเป็นผลขอรองรับบารมีจากพระพุทธไพรีพินาศได้อย่างเต็มที่ การรับบารมีทำได้ดังนี้

-เขียนชื่อศัตรูที่มุ่งร้ายตนและนามสกุลตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธไพรีพินาศที่มีอยู่กับตัวว่าขอบารมีกำหร าบศัตรูให้แพ้ภัยตัวเองไป

-พับกระดาษที่มีชื่อของศัตรูให้เป็นแผ่นแล้วเอาพระพุทธไพรีพินาศวางทับลงไป

-เมื่อสวดมนต์ไหว้พระแล้วให้แผ่เมตตาไปยังคนผู้นั้นอย่าให้ขาดขอให้เขามีสติระลึกถึงกรรมและเลิกรังควาญรั งแก

-เมื่อผู้คิดร้ายสำนึกได้หรือมีอันเป็นไปแล้วเอาชื่อออกและแผ่เมตตาให้ถือว่าเขาได้รับกรรมแล้วเป็นอันสิ้ นสุดกรรม


ข้อพึงระวัง

-ถ้าตนเองคิดร้ายต่อต้านโต้ตอบเขาวันใดผลร้ายนั้นจะย้อนเข้าตัวเองพินาศสิ้นไปด้วยอกุศลกรรม

-ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ตามนำเอานามของพระพุทธไพรีพินาศไปตั้งเป็นสิ่งที่คิดทำร้ายผู้อื่นหรือใช้พระพุทธไพ รีพินาศในทางที่ผิดคือสาปแช่งผู้ที่เขาไม่มีความผิดไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กล่าวแล้วจะพึงได้รับผลสะท้อนกลับ แบบมูมเมอแรงถึงกับพินาศไปเองด้วยประการต่าง ๆ

-จึงขอให้ทุกท่านที่จะใช้พระพุทธไพรีพินาศโปรดสังวรไว้ด้วยอย่าทำร้ายตัวเองด้วยพระไพรีพินาศเป็นอันขาด>



พระคาถาบูชาพระไพรีพินาศ

ตั้งนะโม 3 จบ


นะมัสสะ พระพุทธะไพรีพินาศายะ มาราปะราชะยัง นะมามิหัง พุทธังวันทามิ ธัมมังวันทามิ สังฆังวันทามิ สัพพะโส

ขอให้ข้าพเจ้าจงประสพแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยบารมีของพระพุทธไพรีพินาศเทอญ


อ่านกระทู้นี้ตั้งแต่แรกนึกอยากได้พระไพรีพินาศมาก แต่จำได้ว่าเคยได้มาแล้วไม่แน่ใจเอาไว้ที่บ้านไหน ผ่านไปหลายวันก็เจออยู่ที่บ้านนี้แต่อยู่ตรงข้างล่าง ได้มาสองตลับปี 30 พี่สาวบอกว่าองค์นึงเลี่ยมแล้วให้น้องสาวไปแล้วเพราะเขาต้องทำงานในประเทศที่มีสงครามประจำจะได้มีป้องกันตัว ก็เลยเหลือองค์เดียว เราเองกลัวจะหายเพราะด้านล่างเป็นร้านค้าก็้เลยเก็บมาใส่พานเอาไว้

ผ่านไปไม่กี่วันขโมยขึ้นบ้าน จริงๆ มันควรจะไม่ได้อะไรเลยเพราะทรัพย์สินอยู่ในห้องนอนของทุกคนในบ้าน มันเข้ามาในตัวบ้านแล้วลงไปค้นของชั้นล่างที่เป็นร้าน แต่วันนั้นพี่สาวดันลืมกระเป๋าไว้แล้วบอกพี่เขยให้ลงไปเอาถึงสามหนแต่เขาก็ไม่ได้เอาขึ้นมาให้มันก็เลยได้เงินไป 4-5 พันบาท แต่บัตรเครดิตไม่ได้แตะเอาไปสักใบ น่าจะเป็นพวกต่างด้าว เพราะแถวนี้มีแต่ต่างด้าวทั้งนั้น

บ้านหลังอื่นๆ เคยโดนงัดได้ไปเป็นแสน วันที่เราโดนก็ไปงัดตั้งสี่หลัง แต่ได้นิดเดียวเพราะคนรู้แกวไม่เก็บเงินไว้เยอะแล้ว ของเรามีเศษสตางค์ใส่ไว้ในลิ้นชักแลกไว้เยอะๆ ค่อยแบ่งเอามาใส่กระเป๋าเก็บเงิน รวมแล้วหลายร้อยบาทมันก็รวมๆ ใส่ถุงไว้แต่ไม่ทันได้ไปคงไปเจอกระเป๋าพี่สาวก็เอาแบงค์ใหญ่ไปดีกว่า ก็ได้แค่นั้น

ไม่รู้ว่าพระย้ายมาอยู่ห้องเราหรือเปล่า เราเลยไม่โดนอะไร เพราะมันคงรอมาตั้งแต่ห้าทุ่ม รอไม่ไหวไปงัดบ้านอื่นก่อน เรากว่าจะนอนก็เกือบตีสามแล้ว ดีที่ไม่ออกไปเจอมัน

วันอังคาร, กรกฎาคม 26, 2554

IT for HR (ความรู้ IT เพื่อนักบริหารทรัพยากรมนุษย์): การรันตัวเลขลำดับแบบอัตโนมัติ

IT for HR (ความรู้ IT เพื่อนักบริหารทรัพยากรมนุษย์): การรันตัวเลขลำดับแบบอัตโนมัติ: "วันนี้มีคำถามทางอีเมล์ ถามว่า (จากรูป) ขอคำแนะนำในการจะใส่ ลำดับที่ ของสัญญา ตั้งแต่คอลัมภ์ A4 จะทำอย่างไรให้รัน โดยไม่ต้องคีย์ เพราะมีจำน..."

IT for HR (ความรู้ IT เพื่อนักบริหารทรัพยากรมนุษย์): การรันตัวเลขลำดับแบบอัตโนมัติ

IT for HR (ความรู้ IT เพื่อนักบริหารทรัพยากรมนุษย์): การรันตัวเลขลำดับแบบอัตโนมัติ: "วันนี้มีคำถามทางอีเมล์ ถามว่า (จากรูป) ขอคำแนะนำในการจะใส่ ลำดับที่ ของสัญญา ตั้งแต่คอลัมภ์ A4 จะทำอย่างไรให้รัน โดยไม่ต้องคีย์ เพราะมีจำน..."

วันพุธ, กรกฎาคม 20, 2554

ประวัติพระสีวลี

พระสีวลี พระอรหันต์สาวกพระองค์หนึ่งที่มีผู้คนศรัทธาและกราบไหว้บูชาเป็น จำนวนมาก เนื่องด้วยเป็นเอตทัคคะและบารมีเป็นผู้เลิศด้วยลาภ มิว่าพระสีวลีจะจาริกไปที่แห่งใด ลาภสักการะย่อมบังเกิดมีแก่ท่านในที่นั้นเสมอ และหากหมู่พระภิกษุสงฆ์ต้องธุดงค์ในถิ่นกันดาร พระบรมศาสดาจะมีพระดำรัสให้พระสีวลีเดินทางไปด้วยเสมอ เนื่องด้วยเทพยดาทั้งหลายที่สถิตในป่า นาค ครุฑ และมนุษย์ทั้งหลาย จะจัดอาหารบิณฑบาตและจัดสถานที่พักไว้ถวายพระสีวลี และจากการที่เราสักการะกราบไหว้บูชาท่านจะนำมาซึ่งความสงบสุขร่มเย็น รวมถึงความสมบูรณ์พูนสุขด้วยโภคทรัพย์


กุศลบุญที่ทำให้เกิดลาภสักการะไหลมาเทมาอย่างมากมายนี้ เป็นเพราะในอดีตชาติพระสีวลี ท่านได้เคยสร้างบุญโดยการถวายน้ำผึ้งสดแก่พระวิปัสสีพุทธเจ้าพร้อมกับ หมู่สงฆ์ ด้วยอานิสงฆ์แห่งการถวายมหาทานแก่พระผู้มีจิตบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้ซึ่งละแล้วจากกิเลสทั้งปวง รวมถึงการอธิษฐานจิตในอดีตชาติของพระสีวลี ที่จะขอเป็นเลิศเอตทัคคะทางด้านลาภในอนาคตกาล จึงส่งผลให้ทุก ๆ ชาติที่่ท่านเกิดมาย่อมเป็นผู้สมบูรณ์พร้อมไปด้วยลาภสักการะ มิรู้จักอับจนเลย

ก่อนที่พระสีวลีจะประสูติ ท่านต้องทนอยู่ในครรภ์พระมารดาคือพระนางสุปปวาสาพระราชธิดา แห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ นานถึง 7 ปี 7 วัน เนื่องจากในอดีตชาติท่านมีผลกรรมจากการล้อมกรุงพาราณสีไว้ 7 ปี ผลกรรมจากการที่ตัดขาดการสัญจร ราษฏรขาดแคลนอาหารและน้ำ จึงทำให้พระสีวลีต้องเสวยทุกขเวทนาในครรภ์พระมารดานานเพียงนั้น เมื่อเจริญวัยพระสีวลีมีจิตศรัีทธาใคร่จะบรรพชาอุปสมบท โดยได้ขอบวชในสำนักพระสารีบุตร พระสารีบุตรได้เตือนให้พระสีวลีระลึกถึงทุกข์ขณะที่อยู่ในครรภ์พระมารดา ท่านได้กำหนดจิตพิจารณาตามไป ว่าการเกิดทุกครั้งย่อมเป็นทุกข์ทุกครั้ง พอปลงผมเสร็จท่านก็บรรลุพระอรหันต์ทันที

เรามักจะพบพระสีวลีในปางธุดงค์ คือถือไม้เท้า แบกกลด สะพายบาตรและย่าม ซึ่งไม้เท้า หมายถึงถึงคนคอยช่วยเหลือ อุปถัมภ์ ค้ำจุน กลด หมายถึงความร่มเย็นเป็นสุข บาตร หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ทรัพย์สินเงินทอง และ ย่าม หมายถึงชีวิตจะพร้อมไปด้วยจัตุปัจจัยมิได้ขาดเลย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเรามิควรจะย่ามใจใช้จ่ายจนเกินพอดี พึงเก็บเล็กผสมน้อยอยู่เสมอเถิด

ท่านที่เกิดราศีพฤษภ หรือราศีวัว (เกิดระหว่าง 20 เมษายน ถึง 20 พฤษภาคม) และท่านที่ลัคนาสถิตราศีพฤษภ ควรที่จะบูชาพระสีวลี เนื่องจากมีดาวพระศุกร์เป็นดาวเจ้าเรือน นอกจากนี้ยังควรบูชา พระพุทธโสธร พระสังกัจจายน์ พระพิฆเนศ พระแม่ลักษมีเทวี เพื่อนำมาซึ่งความสำเร็จ และโชคลาภไม่ขาดสาย

คำบูชาพระสีวลี (พระฉิม)

อิมินา สักกาเรนะ สีวะลีเถรัง อภิปูชะยามิ

สีวะีลี จะ มหาเถโร อินโท พรัมมาจะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ประสิทธิเม เถรัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุเม ฯ

นะชาลิติ นะชาลิติ นะชาลิติ



คาถาขอลาภพระสีวลี (ประจำวัน)

วันอาทิตย์ (ให้ภาวนา 6 จบ)

ฉิมพะลี จะ มหานามัง สัพพะลาภัง ภะวิสสะติ เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ

วันจันทร์ (ให้ภาวนา 15 จบ)

ยัง ยัง ปุริโสวา อิตถีวา ทูเรหิวา สะมีเปหิวา เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ


วันอังคาร (ให้ภาวนา 8 จบ)

ฉิมพะลี จะมหาเถโร โสะโห ปัจจะยาทิมหิ เชยยะลาโภ มหาลาโภ สัพพะลาภา ภะวันตุ สัพพะทา ฯ

วันพุธ (ให้ภาวนา 17 จบ)

ทิตติตถะภะเวราชา ปิยาจะ คะระตุเม เย สารัตติ นิรันตะรัง สัพพะสุขาวะหา ฯ


วันพฤหัสบดี (ให้ภาวนา 19 จบ)

ฉิมพะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทา ฯ


วันศุกร์ (ให้ภาวนา 21 จบ)

ฉิมพะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง กะโรนตุ เม ลาเภนะ อุตตะโม โหติ สัพพะลาภะ ภะวันตุ สัพพะทา ฯ



วันเสาร์ (ให้ภาวนา 10 จบ)

ฉิมพะลี จะ มหานามัง อินทาพรหมา จะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ประสิทฺธิเม เถรัสสานุภาเวนะ สะทา สุขี ปิยัง มะมะ ฯ

การบูชาพระสีวลีนั้น ให้บูชาด้วยน้ำผึ้ง ผลไม้สด ดอกไม้ขาว ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหรือดอกบัวทุกชนิด อย่างละ 3 ดอก 5 ดอก หรือ 7 ดอก ก็ได้ น้ำสะอาด 1 แก้ว โดยลอยดอกมะลิไว้บนน้ำ แล้วจุดธูป 3 ดอก เทียนบูชา 1 เล่ม

การถวายผลไม้สด และน้ำผึ้งควรถวายในวันพฤหัสบดี ส่วนวันเสาร์ควรถวายอาหารจากทะเล หรืออาหารที่ปรุงจากต้นบัว แล้วอธิษฐานจิตขอให้โชคสำเร็จ สมหวัง และเมื่อท่านได้โชคได้ลาภสมดังหวังแล้ว จะต้องทำบุญเลี้ยงพระสักครั้ง

การสวดพระคาถาขอลาภพระสีวลี ถ้าสวดได้ทุกวัน จนครบ 7 วันได้ยิ่งดี ในกรณีทีท่านต้องการจะขอลาภเป็นพิเศษ อาทิ จะต้องติดต่อธุรกิจสำคัญใด ๆ ในวันนั้น ให้สวดคาถาบูชาพระสีวลี (พระฉิม) ก่อน แล้วต่อด้วย คาถาขอลาภพระสีวลีประจำวัน ตามกำลังวันของวันนั้น ๆ จะเป็นพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ตามจิตปรารถนา ค้าขายดี มีราศีดีนักแล


ที่มา : ผู้เขียน : มณฑ์วรัม (ุุ6 พฤษภาคม 2551)  http://sangsom.storythai.com/200806/entry-41

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 17, 2554

ใช้ประสะไพล แทนยาแก้ปวดประจำเดือน

อาการปวดท้อง หน้าซีด หน้าเขียว บางคนถึงกับเป็นลม ทุกเดือนก่อนและระหว่างมีประจำเดือน เป็นความทุกข์ทรมานของหญิงสาวเป็นจำนวนมาก บางคนปวดถึงขนาดไปเรียนหรือไปทำงานไม่ไหว ต้องพึ่งยาแก้ปวดประจำเดือนเป็นประจำ


มุมมองของแพทย์แผนไทยมองว่า สาเหตุที่สตรีปวดท้องประจำเดือนมากเพราะว่า กำลังของธาตุไฟมีไม่พอ ประกอบกับผนังมดลูกหนา การที่มดลูกจะบีบตัวเพื่อขับเลือดออก ต้องใช้พลังงานสูง และพลังงานนั้นก็มาจากธาตุไฟ สตรีบางคน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ชอบทานน้ำแข็ง น้ำเย็น เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหาร กินข้าวแกง ก็มีน้ำแข็ง 1 แก้ว กินก๋วยเตี๋ยว บวกน้ำแข็ง 1 แก้ว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว ที่ไปทานอาหารนอกบ้านแล้ว ต้องสั่งน้ำแข็ง หรือไม่ เจ้าของร้านใจอารีก็แถมน้ำแข็งเปล่าให้ไม่คิดเงิน พฤติกรรมการทานน้ำเย็นคู่กับอาหารเช่นนี้ สมควรต้องแก้ไขเสียที เพราะทำให้ไฟย่อยอาหารลดลง ถ้าอยู่ในช่วงมีประจำเดือนมา ก็ทำให้บางคนปวดท้องแทบจะเป็นลมนั่นเอง

ตำรายาไทยมียาหลายตำรับใช้แก้อาการปวดท้องประจำเดือน ถ้าต้องการรักษาจริงจัง สมควรปรึกษาแพทย์แผนไทย แต่หากอยากซื้อยารับประทานเองแทนยาแก้ปวดประจำเดือน ขอแนะนำให้ใช้ยาประสะไพล เป็นยาสมุนไพรที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แพทย์ในโรงพยาบาลจ่ายยาประสะไพลให้คนไข้ได้เพื่อขับประจำเดือนและใช้แทนยา แก้ปวดประจำเดือน

ประสะไพล มีสรรพคุณแก้ระดู มาไม่ปกติ คือมาไม่ตามกำหนด หรือมีน้อยกว่าปกติ สามารถขับน้ำคาวปลาสำหรับหญิงหลังคลอดบุตร ทั้งยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แต่ไม่ควรใช้ในคนที่เป็นโรคตับ หรือใช้ติดต่อกันนานเกินสองเดือน และห้ามใช้ในสตรีที่มีระดูมากกว่าปกติ และเนื่องจากตัวยาประกอบด้วยยารสร้อนเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ควรทานหากมีไข้

ยาประสะไพลประกอบไปด้วย หัวไพลหนัก ๘๑ ส่วน ผิวมะกรูด หัวว่านน้ำ กระเทียม หัวหอม พริกไทย ดีปลี ขิง ขมิ้นอ้อย เทียนดำ เกลือสินเธาว์ หนักสิ่งละ ๘ ส่วน และ ผงการบูรหนัก ๑ ส่วน ตัวยาทั้งหมดนี้บดเป็นผงละลายน้ำสุก หรือน้ำมะนาว (ถ้าโลหิตมีลิ่มดำ) รับประทานก่อนอาหารวันละ ๓ ครั้งๆละ ๑ ช้อนชา ถ้าหากทานยากท่านก็เอายาบรรจุแคปซูลก่อนก็ได้ สรรพคุณของหัวไพล ช่วยขับประจำเดือน ขับเลือดเสีย แก้ระดูขาว ทาเคลือบแผล จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ ดูดหนอง สมานแผลได้ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มักจะปวดประจำเดือน ลองมาทานยาประสะไพล จะดีต่อสุขภาพในระยะยาว

ที่มา http://thaiherbclinic.com/node/53

น้ำมะพร้าว...มีประโยชน์มากกว่าที่คิด

" น้ำมะพร้าว" ถือเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ เพราะต้นมะพร้าวมีลำต้นสูง

ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่างๆ ของลำต้นกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบน

น้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มาก และอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม

เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์

และวิตามินบี แถมย ังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายด้วย



น้ำมะพร้าวช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์

การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ จากผลงานวิจัยของ

ดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง

ซึ่งมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง นอกจากนี้ การดื่ม

น้ำมะพร้าวเป็นประจำทุกวันยังสามารถช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติ

และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นอีกด้วย



น้ำมะพร้าวช่วยให้ผิวพรรณสดใส

น้ำมะพร้าวสามารถช่วยเสริมสร้างความสวยใสของผิวพรรณ ทำให้เปล่งปลั่งและขาวนวลขึ้นจากภายในสู่ภายนอก

เพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนอยู่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน

ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ และในน้ำมะพร้าวยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี

แถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย ( คล้ายๆ กับการทำดีท็อกซ์)

จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง

ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก



..น้ำมะพร้าว

"สปอร์ตดริ๊งค์" จากธรรมชาติ

เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียเนื่องจากอาการท้องเสียหรือท้องร่วงได้

จึงจัดเป็นสปอร์ตดริ๊งค์ (Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย

นอกจากนี้ ในประเทศไต้หวันและประเทศจีน ยังนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมาหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย



น้ำมะพร้าวเป็นอาหารบริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้ได้ง่าย

นอกจากนั้นมะพร้าวยังเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างสูง สามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไป

หมอพื้นบ้านไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น

ใช้รักษาโรคกระดูกได้ ส่วนคนจีนเชื่อว่า น้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลาง

ไม่เป็นทั้งหยินและหยาง มีสรรพคุณในการขับพยาธิ สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกัน

สามารถดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมกลูโคสไปใช้ในเวลาอันรวดเร็วได้..

<!--[if !supportLineBreakNewLine]-->



น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ

ทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม น้ำหวาน

หรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่ง เพราะไม่ทำให้เกิดพิษหรือทัอกซินขึ้นในร่างกาย แต่สำหรับคนที่เป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่ม

เพราะน้ำมะพร้าวมีความหวาน ไม่เหมาะกับโรคดังกล่าว



และไม่ควรดื่มในสตรีที่กำลังมีประจำเดือน เพราะจะทำให้ประจำเดือนหยุดเนื่องจากมีฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำให้ผนังเยื่อบุมดลูกหยุดการลอกตัว



น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลย ไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้

อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมง แม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตามค่ะ ควรกินให้หมดในครั้งเดียว

ผลไม้แต่ละอย่างจะมีพลังชีวิต ถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง

หากเก็บทิ้งค้างไว้ พลังชีวิตหรือคุณค่าของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ

ที่มา http://thaiherbclinic.com/node/1467

คลินิกผู้ป่วยนอกเวชศาสตร์ฟื้นฟู

ตารางการตรวจในเวลาราชการ


วัน ภาคเช้า (09.00 - 12.00 น.) ภาคบ่าย (13.00 - 15.00 น.) แพทย์

จันทร์ เวชศาสตร์ฟื้นฟูทั่วไป

EMG การตรวจกล้ามเนื้อและเส้น ประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า)

คลินิกโรคหลอดเลือดสมองฝังเข็ม

คลินิกรักษาการเกร็งของกล้ามเนื้อ

อ.พันธศักดิ์

EMG(อ.นพวรรณ)

อังคาร เวชศาสตร์ฟื้นฟูทั่วไป

อ.วรรณภา

พุธ เวชศาสตร์ฟื้นฟูทั่วไป

EMG(การตรวจกล้ามเนื้อและเส้น

ประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า)

คลินิกปวดในระบบกระดูก

และกล้ามเนื้อ

คลินิกบาดเจ็บทางมือ

ฝังเข็ม

คลินิกรักษาการเกร็งของกล้ามเนื้อ

EMG(อ.นพวรรณ)

พฤหัสบดี เวชศาสตร์ฟื้นฟูทั่วไป

(เฉพาะผู้ป่วยนัดพร้อมแผนกอื่น)

- -

ศุกร์ เวชศาสตร์ฟื้นฟูทั่วไป

- อ.มลรัชฐา

เสาร์ คลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ

อ.วิศาล

คลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ

อ.วิศาล







หมายเหตุ



การนัดตรวจ EMG และคลินิกรักษาการเกร็งของกล้ามเนื้อแพทย์อาจจะนัดนอกเหนือตารางนี้ได้

คลินิกพิเศษนอกเวลาราชการอาจมีการเปลี่ยนแปลงแพทย์ที่ออกตรวจ ตามความเหมาะสม



** ข้อมูลการออกตรวจอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาโทรตรวจสอบก่อนมารับบริการ







:: รายละเอียดเพิ่มเติม



แผนกตรวจเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ปรับปรุงระบบบริการผู้ป่วยเด็กทั้งใน และนอกเวลาราชการ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยหวังว่าท่านจะได้รับคุณภาพ ทางการแพทย์ที่ดี และคุณภาพของบริการที่ประทับใจ โดยในปีใหม่นี้แผนก ตรวจเด็กขอมอบความสุขปีใหม่ แด่ทุกท่านด้วยบริการใหม่ 3 ประการคือ



บริการนัดทางโทรศัพท์

การตรวจตามเวลานัด

บริการนัดฟังเตียงรับเข้าอยู่ในโรงพยาบาลทางโทรศัพท์

บริการเดิมที่มีอยู่แล้ว



ฟังผลการตรวจพิเศษทางไปรษณีย์ หรือโทรศัพท์ 0-2201-1234

ปรึกษาปัญหาสุขภาพทางโทรศัพท์ หมายเลข 0-2201-1253 เวลา 10.00-11.00 น.

บริการนัดทางโทรศัพท์

โปรดโทรศัพท์หมายเลข 0-2201-1234 ในเวลา 7.30-9.00 น. เพื่อนัดตรวจ ล่วงหน้าหรือเลื่อนนัด ซึ่งท่านอาจจะได้รับนัดในวันอื่นถ้าจำนวนผู้ป่วยเด็กมากเกิน กำหนด กรณีไม่ได้นัดล่วงหน้า ท่านจะได้รับการตรวจหลังจากตรวจผู้ป่วยนัด ล่วงหน้าตามเวลาเสร็จแล้ว กรณีที่ท่านไม่ได้นัดแล้วจำนวนผู้ป่วยเต็ม แผนกตรวจ เด็กจำเป็นที่จะต้องนัดท่านมาวันถัดๆ ไป เพื่อจะให้ได้คุณภาพตามที่กำหนดไว้ ถ้าท่านเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จะให้การรักษาเบื้องต้นและส่งต่อไปยังห้องฉุกเฉิน



การตรวจตามเวลานัด

กรณีเป็นผู้ป่วยนัด กรุณามาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง ท่านจะได้รับการตรวจภายใน ครึ่งชั่วโมงตามเวลานัดในบัตร ยกเว้นมีการรอผลการตรวจพิเศษ บริการนัดฟังเตียงรับเข้าอยู่โรงพยาบาลทางโทรศัพท์ ในขณะที่แพทย์นัดเพื่อรับเข้าอยู่โรงพยาบาล โปรดแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ และชื่อผู้ที่สามารถติดต่อได้เพื่อเจ้าหน้าที่จะโทรฯ แจ้งให้มาโรงพยาบาล หรือเลื่อนนัดล่วงหน้า 1 วัน หากไม่ได้รับการติดต่อล่วงหน้า ในวันที่นัดฟังเตียง โปรดติดต่อสอบถามที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2201-1265 ในเวลา 9.00-10.00 น. อย่าโทรฯ ก่อนเวลาเพราะยังไม่สามารถบอกได้ก่อน 9.00 น. กรณีที่รับเข้าอยู่โรงพยาบาล โปรดติดต่อที่ห้อง 21 แผนกตรวจเด็กก่อน 14.30 น. เพื่อดำเนินการรับตัวเข้าอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าท่านมาหลังเวลา 14.30 น. โปรด ติดต่อที่หน่วยต้องรับผู้ป่วย โทร. 0-2201-1020

ที่มา http://ramaclinic.ra.mahidol.ac.th/opd/rehabilitation_med.html

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 05, 2554

คาถาพญาเงินพญาทอง

มหานิโคทะนามะ อิทานิ เอหิ ธะนัง สิริโภคา นะมาสะโย อิตธิฤทธิ์ธิ ชัยยะชัยยัง ลาภะลาภัง สิทธิธัมมัง ประสิทธิเม

วันพฤหัสบดี, เมษายน 28, 2554

เมตตาภาวนา : พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

เมตตาภาวนา


เขียนโดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

คัดลอกจากหนังสือ “อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข ๑ ชีวิตทั้งหมดให้อยู่ด้วยอานาปานสติ”

รวบรวมในหนังสือ “ความจริงเกี่ยวกับ ความรัก ความโกรธ และ ความเมตตา เล่ม ๓”

อานิสงส์ของการเจริญเมตตาภาวนา

๑. หลับเป็นสุข

๒. ตื่นเป็นสุข

๓. ไม่ฝันร้าย

๔. อมนุษย์รักใคร่

๕. มนุษย์ทั้งหลายรักใคร่

๖. เทวดาทั้งหลายย่อมคุ้มครอง

๗. ไฟ ศาสตราวุธ ยาพิษ ไม่อาจกล้ำกราย

๘. ผิวหน้าย่อมผ่องใส

๙. จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว

๑๐. เมื่อตายเป็นผู้ไม่หลง

๑๑. เมื่อจากโลกนี้ไป ก็ไปบังเกิดในพรหมโลก


เมื่อเจริญเมตตาภาวนาบ่อยๆ จะมีอานิสงส์ช่วยระงับความโกรธได้ ให้เจริญเมตตาให้กับตัวเองก่อนโดยอาศัยสติ สมาธิ และปัญญา ให้พยายามรักษาใจให้สงบนิ่ง กำหนดรู้ลมหายใออก ลมหายใจเข้า พักหนึ่ง
การแผ่เมตตาให้กับตัวเอง

อะหังสุขิโตโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงสุข

ยกขึ้นมาพิจารณาทุกครั้งที่รู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

ความสุขอยู่ที่ไหน ความสุขไม่ใช่อยู่ที่อารมณ์โกรธ หรือเมื่อเราได้โกรธคนอื่น เราโกรธเขา เขาก็เป็นทุกข์เหมือนเรา หรือทุกข์มากกว่าเรานั่นแหละ เขาก็กำลังแก่ กำลังเจ็บไข้ ป่วย กำลังจะตาย เหมือนเรานั่นแหละ

เขาก็กำลังประสบกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เหมือนกับเรา เพราะ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วดับไปในที่สุด ไม่แน่นอน ไม่คงอยู่ได้

ความสุขอยู่ที่การปล่อยวางสิ่งภายนอก และสัญญาอารมณ์ต่างๆ ระลึกรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้าถอนจิต ถอนอุปาทานจากอารมณ์โกรธ น้อมเข้ามา ๆ ให้จิตพักอาศัยอยู่ที่ลมหายใจ

เอาลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร

หายใจออกยาว ๆ สบาย ๆ หายใจเข้าช้า ๆ ลึก ๆ หน่อย

หายใจออกยาว ๆ สบาย ๆ หายใจเข้า สบาย ๆ ภาวนาว่า

ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงสุข หายใจเข้า

หายใจออก สบาย ๆ แล้วพิจารณาต่อว่า

นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไร้ทุกข์

ความชั่วร้ายของเขา เป็นของเขา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ต้องไปคิด ไปเกาะติดยึดมั่นถือมั่น แบกเอาไว้

ความชั่วของใครก็เป็นของร้อนเป็นทุกข์ทั้งนั้น เราไปยึดติดเมื่อไร ก็เดือดร้อน เป็นทุกข์เมื่อนั้น

ถึงแม้ว่า เขาผิดจริงก็ตาม ผู้มีปัญญา ผู้หวังความสุข ไม่เอามาคิดเป็นอารมณ์ ให้ระวัง ๆ แล้วพิจารณาต่อว่า

อะเวโรโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร

ตรวจตราดูความรู้สึกภายในใจตัวเอง หรือสังเกตดูความนึกคิดของเรา ว่ามีเวรหรือไม่

จองเวรเขา ก็เหมือนจองเวรตัวเอง ทำให้จิตเศร้าหมอง

“เวรไม่ระงับด้วยการจองเวร เวรระงับด้วยการไม่จองเวร”

ถ้าเราต้องการความสุข เราต้องเป็นผู้ไม่มีเวร ให้ระงับความรู้สึก นึกคิดจองเวรใคร ๆ ออกไปจากภายในใจของเรา ให้อภัย อโหสิกรรมแก่ทุกคน

ทุกครั้งที่ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ชำระความรู้สึก ความนึกคิดจองเวรให้หมดไป ๆ

เอาลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร หายใจออก หายใจเข้า สบาย ๆ แล้วพิจารณาต่อ

อัพยาปัชโฌโหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

ตรวจตราภายในใจดูว่า มีความรู้สึกนึกคิดเบียดเบียนใครหรือไม่ ถ้าเขาคิดอย่างนี้กับเรา พูดอย่างนี้กับเรา ทำอย่างนี้กับเรา เราจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเราไม่สบายใจ เราก็ไม่น่าคิดกับเขาอย่างนั้น รักษาใจ ไม่ให้หวั่นไหวต่ออารมณ์พอใจ และไม่พอใจที่มากระทบ

จงสร้างเกาะไว้เป็นที่พึ่งด้วย สติ สัมปชัญญะ ปัญญา สมาธิ หิริโอตตัปปะ และขันติ คือความอดทน รวมกันไว้ที่ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ไม่ให้เกิดทุกข์ ไม่ให้มีทุกข์ ไม่ให้เบียดเบียนใคร ทุกลมหายใจออก ลมหายใจเข้า

สุขีอัตตานัง ปะริหะรามิ จงรักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด

ให้ระลึกถึงปีติสุขทุกลมหายใจออก ลมหายใจเข้า เรื่อย ๆ ๆ ๆ

รู้เฉพาะปีติสุข หายใจออก รู้เฉพาะปีติสุข หายใจเข้า

ให้หัวใจของเรานี้เต็มไปด้วยปีติสุข แล้วแผ่ความสุขออกไป ๆ ๆ ๆ

การแผ่เมตตานี้ ต้องแผ่เมตตาให้แก่ตัวเองก่อน จนให้เกิดความสุขใจ

การจะให้เกิดความสุขใจนั้นต้องอาศัย สมาธิ และ ปัญญาสนับสนุนกัน ด้วยอำนาจสมาธิ จิตสามารถยังปีติสุขให้เกิดได้ และต้องใช้ปัญญาเห็นโทษของการคิดผิด คิดเบียดเบียน ฯลฯ ให้ระงับความคิดเหล่านั้นด้วยสติปัญญา จึงจะเกิดเมตตาได้

การแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ

ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงเป็นผู้ถึงความสุข

เมื่อใจเรามีความสุข มีเมตตา มีความรู้สึกรักใคร่ ปรารถนาดี มีความรักที่บริสุทธิ์ ให้แผ่ความรัก ความเมตตาที่บริสุทธิ์กระจายออกไปจากหัวใจของเราไปยังสรรพสัตว์


วิธีแผ่เมตตา มี ๒ วิธี คือ

วิธีที่ ๑. อาศัยนิมิต
วิธีที่ ๒. ไม่มีนิมิต

อาศัยนิมิต เมื่อใจเราเต็มไปด้วยความสุขแล้ว ขณะที่ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ให้นึกมโนภาพถึงคนที่เราตั้งใจจะแผ่เมตตาไปให้ไว้เฉพาะหน้า หรือไว้ที่หัวใจ นึกมโนภาพ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กำลังมีความสุขของเขา และส่งกระแสเมตตาจิตไป ทุกลมหายใจออก ลมหายใจเข้า

เริ่มต้นจากคนใกล้ชิดตัวเราที่รักกันอยู่ก่อน เช่น พ่อ แม่ ลูก ภรรยา เพื่อนรัก เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ต่อไปก็คนที่เป็นกลาง ๆ ไม่รัก ไม่ชัง ค่อย ๆ แผ่ไป ๆ ทีละคน ทีละกลุ่ม
ต่อไปก็ถึงคนที่เรากำลังมีปัญหาอยู่กับเขา ตั้งใจ หวังดีต่อเขา ปรารถนาดีต่อเขา ขอให้เขาจงมีความสุขเถิด ขอให้ไม่มีเวรซึ่งกันและกันเถิด ขอให้เราอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

ไม่มีนิมิต เมื่อเราพร้อมแล้ว เรามีปีติและสุข ทุกลมหายใจออก ลมหายใจเข้าแล้ว สัพเพสัตตา สุขิตาโหนตุ ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้ถึงความสุข พยายามทำความรู้สึกที่ดี ความปรารถนาดี ความรักที่บริสุทธิ์ แผ่ออกไป รอบ ๆ ตัวเรา ทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

พยายามนึกไปกว้าง ๆ ไกล ๆ คลุมไปทั่วโลก ทั่วจักรวาล มีแต่ความสุข ทุกลมหายใจออก –เข้า สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ หายใจออกเต็มไปด้วยความสุข หายใจเข้าเต็มไปด้วยความสุข
กามวิตก พยาบาทวิตก หิงสาวิตก เป็นศัตรูต่อการเกิดเมตตาจิต เมื่อใจเรามีเมตตา จิตใจก็จะสงบ มีความสุข ไม่ต้องคิดเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ ความรัก จากใครอีกต่อไป พ่อแม่ไม่รักเรา ลูกหลานไม่รักเรา สามีภรรยาไม่รักเรา ปัญหาเหล่านี้ก็หมดไป เพราะหัวใจของเราเต็มไปด้วยความสุขและความรัก เรามีแต่ให้ ๆ ๆ ๆ ๆ


พรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นธรรมประจำใจของผู้ใหญ่

เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีต่อผู้อื่นและตัวเอง ใครที่อดอยาก ทุกข์ยากลำบาก ด้อยกว่าเรา เราอยากให้เขามีความสุขด้วยการให้ทาน ช่วยเหลือสงเคราะห์เขา เมื่อเขามีความสุขเราก็มีความสุขด้วย แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เช่น หมา แมว กำลังอด ๆ หิวข้าวอยู่ เราก็ให้อาหาร เขาก็มีความสุขในการกิน เราก็มีความสุข แต่ก็ต้องระวังเหมือนกัน ถ้าเราตามใจลูกหลาน เขาอาจพอใจ แต่เสียนิสัยก็เป็นได้ ต้องระวัง

พรหมวิหาร มี ๔ ข้อ แต่ต้องเจริญเมตตาก่อน ไม่มีเมตตา กรุณามีไม่ได้

ไม่มีกรุณา มุทิตา อุเบกขาก็มีไม่ได้ การเจริญเมตตาง่ายกว่าข้ออื่นทุกข้อ

กรุณา คือ มีจิตใจสงสาร อยากให้เขาพ้นทุกข์ เป็นจิตที่สูงกว่า และยากกว่าเมตตา เป็นความปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ รู้จักผิดถูก เมื่อเขาทำผิดต้องชี้แจง แนะนำ สั่งสอน เพื่อให้เขาละความชั่ว ความผิด แก้ไขตัวเอง อันนี้เราต้องมีจิตใจกล้าหาญ ถ้าใจดีแต่ใจอ่อนก็ทำไม่ได้ เพราะเราเจตนาดีแต่เขาอาจจะไม่พอใจ อาจจะกระทบกระเทือนใจเขา เขาอาจจะโกรธเรา พ่อแม่ที่เมตตารักลูกก็มีแยะ แต่คนที่มีกรุณาก็น้อย เพราะต้องดุ ต้องว่า ต้องสอน บางทีก็ต้องลงโทษด้วย นี่เป็นกรุณา

มุทิตา คือ พลอยยินดีเมื่อเขาได้ดีมีความสุข ทำจิตยากกว่ากรุณาอีก เขาได้ดีกว่าเรา เราไม่อิจฉา ยินดีมีความสุขกับเขาด้วย เช่น เพื่อนรุ่นเดียวกับเรา เรียนเก่งกว่าเรา หล่อกว่าเรา รวยกว่าเรา ตำแหน่งก็ได้สูงกว่าเรา ภรรยาของเขาสวยกว่าภรรยาเรา เรารู้สึกว่าเขาดีกว่าเรา มีความสุขกว่าเรา อะไร ๆ ก็ดีกว่าเราทุกอย่าง (จริง ๆ แล้วไม่แน่) แต่เรายินดีกับเขาด้วย อันนี้เป็นมุทิตาจิต


มุทิตาจิตนี้ละเอียด ทำยาก ขนาดพระ ครูบาอาจารย์ ที่มีเมตตา กรุณามาก แต่มุทิตาจิตนี้ก็มียาก มุทิตาจิต เป็นจิตที่ไม่อิจฉา สูงกว่ากรุณา และทำยากกว่า

อุเบกขา วางเฉยนี้ยิ่งยากกว่ามุทิตาจิตอีก อะไรจะเกิด ใครจะนินทาก็ไม่หวั่นไหว รักษาใจเป็นกลาง เฉย ๆ ต้องเข้าใจกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ต้องเข้าใจเรื่องเหตุผลและเหตุปัจจัย ต้องมีปัญญา จึงจะเกิดอุเบกขาได้

อุเบกขา ต้องประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา จึงจะเป็นอุเบกขาจริง ๆ.

สสช. ชี้ค่าใช้จ่ายคนไทยพุ่ง-อาหารแพง

· สสช. ชี้ค่าใช้จ่ายคนไทยพุ่ง-อาหารแพง


รายงานข่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยว่า สสช. สำรวจค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในปี"53 ที่เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อการยังชีพ ไม่รวมการสะสมทุน เช่น การซื้อบ้าน หรือเงินออม พบครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 16,819 บาท สูงขึ้นจากปี"51 และปี"52 โดยเพิ่มจาก 15,942 เป็น 16,819 บาท หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 877 บาท หรือเพิ่มขึ้นเดือนละ 5.5% ปี"53 ค่าใช้จ่ายเพิ่มจากปี"52 ประมาณ 3.8% มากกว่าปี"51 ประมาณ 1.6%

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ประมาณ 34.6% เป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม รองลงมาเป็นค่าที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ภายในบ้าน 19.4% ค่าใช้จ่ายด้านเดินทางและยานพาหนะ 18.9% ขณะที่ค่าของใช้ส่วนบุคคล เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า มี 5.5% ส่วนค่าการสื่อสารมี 3.1% ที่เหลือเป็นการบันเทิง การจัดงานพิธี 2.2% ค่าใช้จ่ายการศึกษา 1.9% เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของครัวเรือนทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี"51-53 พบว่าค่าใช้จ่ายด้านอุปโภค บริโภคในครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดได้แก่ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม จาก 34.2% เป็น 34.6% รองลงมา เป็นด้านที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ภายในบ้านจาก 19.3% เป็น 19.4% โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ยังผันผวนสูง ต้นทุนการผลิตสูง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย


· ข้อมูลน่าสนใจ

- จำนวนประชากร (เม.ย. 2554) 67.5 ล้านคน

ชาย 33.1 ล้านคน

หญิง 34.3 ล้านคน

- อัตราการว่างงาน(ธ.ค. 53) 0.7%

- หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน(ปี 2552) 134,699 บาท

- จำนวนหนี้สินในระบบต่อครัวเรือน(ปี 2552) 127,715 บาท

- จำนวนหนี้นอกระบบต่อครัวเรือน(ปี 2552) 6,984 บาท

- รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือน(ปี 2552) 20,903 บาท

- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือน(ปี 2553) 16,819 บาท

- หญิงไทยมีอายุแรกสมรสเฉลี่ย (ปี 2552) 22.2 ปี
- ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครัวเรือนเฉลี่ยต่อเดือน(ปี 2553) 10.8 %

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 28, 2554

ธรรมะเย็นใจ : สอนใจตัวเองก่อน

ธรรมะของพระอาจารย์มิตซูโอะ เควสโก


วัดสุนันทวนาราม บ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

จากหนังสือเหตุสมควรโกรธ....ไม่มีในโลก

ธรรมะเย็นใจ : สอนใจตัวเองก่อน

เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ เป็นครู เป็นพ่อแม่

มีลูกน้อง มีลูกศิษย์ มีลูก

สมมติว่าเราเป็นพ่อแม่มีลูก

เมื่อลูกทำผิดจริง ๆ แล้วเราโกรธ ใจร้อน อย่าเพิ่งสอนลูก

สอนใจตัวเองให้ระงับอารมณ์ร้อน ให้ใจเย็น ใจดี

มีเมตตาก่อน จนรู้สึกมั่นใจว่าใจเราพร้อมแล้ว

และดูว่าลูกพร้อมที่จะรับฟังไหม ถ้าเราพร้อม

แต่ลูกยังไม่พร้อม ก็ยังไม่ต้องพูด เพราะไม่เกิดประโยชน์

เราพร้อมที่จะสอน เขาพร้อมที่จะฟัง

จึงจะเกิดประโยชน์เป็นการสอน

ถ้าเราสังเกตุดู บางครั้งใจเรารู้สึกเหมือนอยากจะสอน

แต่ความเป็ฯจริงแล้วเราเพียงอยากระบายอารมณ์ของเรา

สิ่งที่เราพูดแม้เป็นเรื่องจริง แต่ก็แฝงด้วยความโกรธ

เพราะยังเป็นความใจร้อน มีตัณหา

ถ้าใจเราโกรธ พูดเหมือนกัน พูดคำเดียวกัน นั่นคือโกรธ

ถ้าใจเราดี ใจเขาดี คำพูดของเราเป็นประโยชน์ นั่นคือสอน

เมื่อเราอยู่ในสังคม สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเห็นใครทำผิด

อย่ายึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกและความคิดของตน

อย่ายินดี อย่ายินร้าย ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน

พยายามอบรมใจตนเองว่า
ธรรมชาติของคนเรา มักจะมองข้ามความผิดของตนเอง

ชอบจับผิดแต่คนอื่น

มองเห็นความผิดของคนอื่นเหมือนภูเขา

เห็นความผิดตนเท่ารูเข็ม

ตดคนอื่นเหม็นเหลือทน

ตดตนเองเหม็นไม่เป็นไร

ปากคนอื่นเหม็นเหลือทน

ปากของตนเหม็นไม่รู้สึกอะไร

เรามักทุ่มใจ ไปอยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
อย่าเชื่อความรู้สึก อย่าเชื่ออารมณ์ อย่ายินดี ยินร้าย
พยายามรักษาใจเย็น ใจดี ใจกลาง ๆ

ปกติเราทำผิดเหมือนกัน เท่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเขา

แต่ความรู้สึกของเรามักจะมากกว่าเขา

และไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยน่ากลัวจริง ๆ
สังเกตุดู คนที่ขี้บ่น ขี้โมโหว่าคนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูก

ตัวของเขาเอง คิดดี พูดดี ทำดีไหม....ก็อาจจะไม่

เราเองก็เหมือนกัน เมื่อเราเกิดอารมณ์ไม่พอใจ

อย่าเชื่อความรู้สึกให้ระงับอารมณ์เสีย ทำใจเป็นกลาง ๆ ไว้

อย่าเชื่อความรู้สึก

อย่าเชื่ออารมณ์

อย่ายินดียินร้าย

มงคลชีวิต : มานะ ๙

มานะ ๙


พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ชีวิตมีทั้งวันวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้

เมื่อปัจจุบันธรรม เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต

ชีวิตในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงมากกว่ากาลใดๆ

วันนี้มีไว้สำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว

แก้ตัว คือไม่ยอมรับความจริงในการทำผิดของตน

พยายามผลักความผิดไปให้ผู้อื่น หรือ...สิ่งแวดล้อม

แก้ไข คือยอมรับความจริง

หากมีอะไรผิดพลาดบกพร่อง ก็ยอมรับผิด

แล้วพยายามแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตนเอง

คนดี ชอบหาดูจุดบกพร่องของตน

มีหิริโอตตัปปะ ละอายแก่ใจ กลัวบาป

คนชั่ว ชอบหาดูจุดบกพร่องของคนอื่น จับผิดคนอื่น

และคิดไปว่า "เราดี เขาไม่ดี"

เมื่อเขาดีกว่า ก็คิด อิจฉา ริษยา น้อยใจ

ถ้าดีกว่าเขา ก็คิด ถือตัวถือตน ดูถูกดูหมิ่นเขา

เป็นสภาวะที่เกิด อัตตา เกิดตัวตน

อัตตาตัวตน และทุกข์ เป็นบริษัทเดียวกัน

อัตตาตัวตน สร้างขึ้นใช้เวลานานแสนนาน

เป็นเวลาหลายภพหลายชาติ

ด้วยอำนาจของอวิชชา กิเลส ตัณหา อุปาทาน

คิดผิดและสำคัญผิด

สำคัญผิด ๙ อย่าง หรือมานะ ๙

๑. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด

๒. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

๓. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

๔. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด

๕. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด
๖. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

๗. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด

๘. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

๙. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

เมื่อใจดี จะไม่มีความคิด "เป็นเรา เป็นเขา"

แต่จะเห็นสัตว์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ให้ "เห็น" เป็นหลัก เป็นกิริยา

คนเรานั้นเมื่ออยู่ในสมมติโลก

เราต้องอยู่ด้วยกันหลายคน มองเห็นเป็นธรรม

ไม่ให้ตัวตนเข้าไปยึด ควบคุมจิตเป็นโอปนยิกธรรม

น้อมเข้ามาหาตนเสมอ พอใจ ไม่พอใจ

ศึกษาเป็นธรรม แยกแยะเป็นธรรม พิจารณาเป็นธรรม

อริยสัจ ๔ สติปัฏฐาน ๔ ใครทำให้เสื่อมลาภ หรือ มีลาภ

ใครทำให้เสื่อมยศ หรือ มียศ

ใครทำให้ถูกนินทา หรือ สรรเสริญ

ใครทำให้ทุกข์ หรือ สุข "ใคร"ก็ไม่สำคัญ

ตัดออกจากความคิด ไม่มีใคร ไม่มีเขา ไม่มีเรา

มีแต่ทกข์ และคิดหาทางออกจากทุกข์ให้ได้

พยายามลดอัตตาตัวตน ลดกิเลส ลดทุกข์

ใครทำความดี ยินดี อนุโมทนาในการทำความดี

ใครทำชั่ว ก็ให้เห็นปัญหาในการทำความชั่ว

ใคร ไม่สำคัญ เห็นเป็นกิริยา

เมื่อใครทำความชั่วในสังคมเรา รักษาใจเราเป็นกลางๆ

สุขภาพใจดี ใจดี มีเมตตา

ยกขึ้นมา ยกการทำชั่วขึ้นมาพิจารณา

ใคร ไม่สำคัญ หาวิธี แก้ไขตักเตือน สำรวม ระวัง

จัดการตามกฎหมาย จัดการตามวินัย ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้

ให้ลดปัญหาสังคมลง

ใจเราให้ตั้งมั่นใน เมตตา กรุณา มุทิตา อเบกขา

ละมานะ ละอัตตา ให้ได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ วันนี้

คัดจากหนังสือธรรมเทศนาเรื่อง "ทำใจเป็นธรรม"

โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ

มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ


วันพฤหัสบดีที่ 01 มกราคม 2009 เวลา 00:00 น.

โดย ดร. มิชิตา จำปาเทศ รอดสุทธิ

เรา เคยพบเพื่อนร่วมงานที่เวลาอยู่ในที่ประชุม ไม่แสดงความคิดเห็น แต่อาจกระซิบกระซาบกับคนข้างๆ แล้วพอออกมานอกห้องประชุมก็มาชวนคนนั้นคนนี้คิดให้แตกต่างจากที่ประชุมสรุป ซึ่งบางครั้งสุดท้ายก็คว่ำมติที่ประชุม ...อาการนี้แลที่ที่บางคนเรียกขานว่า “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ”

พอเราไปสัมภาษณ์คนทำพฤติกรรมนี้ เขาบอกว่าไม่มีพื้นที่ให้พูดบ้าง พูด ไม่ทันบ้าง ไม่สามารถแทรกแนวคิดได้ ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นบ้าง ถึงแม้พูดไปเขาก็ไม่ฟังเราบ้าง ฯลฯ ซึ่งเป็นเหตุผลที่น่าเห็นใจทีเดียว เมื่อเราอยู่ในที่ประชุมที่มีคนพูดเก่ง นำเสนอเร็ว หรือมีคนผูกขาดทางการพูดนั้น การจะนำเสนอไอเดียในที่ประชุมจึงเป็นเรื่องยาก เรื่องนี้ผู้เขียนเคยเขียนในบทความเดิมๆแล้วว่าผู้นำประชุมสามารถช่วยได้ เมื่อเห็นว่าบางคนอาจมีไอเดียแต่แทรกไม่ทัน โดยการส่งลูกไปให้ “คุณเอคิดกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง”

เพื่อน ร่วมการประชุมหรือตัวประธานเองก็ควรคอยดูพฤติกรรมตัวเองด้วยว่าแสดงออกมากไป หรือเปล่า แม้ว่าไอเดียเราจะดี แต่ถ้ามีแต่เรานำเสนอ การได้ส่วนร่วมจากที่ประชุมก็จะน้อยลง ซึ่งมีผลตอนไปปฏิบัติงาน เราอาจจะไม่ค่อยมีคนให้ความร่วมมือก็ได้ ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องที่ต่อว่ากันว่าแต่ละคนมีอัตตา เอาแต่เรื่องที่ตนชอบตนเสนอ พอคนอื่นเสนอบ้างไม่ใช่ไอเดียของตนหรือพวกของตนก็ไม่เอาไปทำ จะให้ไปลดอัตตากันฉับพลันนั้นเป็นเรื่องยาก เราควบคุมพฤติกรรมเราเองที่ทำให้มีผลกระทบทางบวกต่อคนรอบข้างและผลงานดีกว่า   ที่นี้คนที่ไม่กล้านำเสนอให้ที่ประชุมเองนั้น พัฒนาตัวเองให้ทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยก็จะเป็นการช่วย ทั้งองค์กรและส่วนตัว เราอาจจะหาจังหวะว่างที่คนหยุดพูด หรือที่ผู้เขียนบอกผู้เข้าร่วมอบรมว่า “ยังไงเขาต้องหยุดหายใจบ้างล่ะค่ะ แทรกช่องนั้นเลย” หรือบางกรณีก็ยกมือเพื่อจองคิวจะเสนอไอเดียต่อ ซึ่งถือเป็นมารยาทในการประชุมสากล ประธานในที่ประชุมก็จะเชิญให้พูดเมื่อถึงคิวบางคนไม่กล้าเสนอเพราะเสนอทีไรเป็นเรื่องทุกที ส่วนนี้คงต้องฝึกพูดให้คนอื่นเดือดร้อนนะคะ ที่เคยนำเสนอแล้วที่เรียกว่า I’m OK. You’re OK. คอนเซ็ปท์ ง่ายพูดแล้วคนอื่นรู้สึกดีและเราก็รู้สึกดี ภาษาพระเรียกสัมมาวาจา แต่การปฏิบัตินี่ใช้เวลานานทีเดียว ต้องฝึกฝนกันแล้วฝึกฝนกันอีกไปเรื่อยๆ ค่อยๆพัฒนาไป ดีกว่าไม่เริ่มทำ หรือไม่ใส่ใจว่าสิ่งที่เราพูดไปจะไปทำให้ใครเดือดร้อนหรือไม่ บางคนชอบเสนอว่า “ที่คุณจอยพูดมา ผมว่าไม่ได้เรื่อง เราควร..” แบบนี้นิ่งเสียตำลึงทองค่ะ อยู่ๆลุกขึ้นมาว่าคนอื่น ถ้าอยากนำเสนอก็เสนอเนื้อหาเลย ด้วยท่าทีเป็นมิตรไม่วางตัวเหนือผู้อื่น “ไม่ทราบว่าจะเป็นประโยชน์ต่องานนี้หรือไม่ ถ้าเรา...”พฤติกรรมที่เป็นผลลบต่อการทำงานโดยส่วนรวมคือ “การคว่ำกระดาน” ซึ่งกล่าวในเบื้องต้นว่า บางคนไม่ยอมนำเสนอไอเดียที่แตกต่างตั้งแต่ในที่ประชุม แต่แอบคุยกันทีหลัง กลายเป็นนินทาไปบ้าง กลายเป็นไปยุแยงให้คนเปลี่ยนแนวคิดบ้าง สุดท้ายก็ล้มมติที่ประชุมที่คุยกันไปแล้ว พฤติกรรมนี้นอกจากไม่ช่วยทำงานในที่ประชุมแล้ว ยังก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น คนทำงานก็ทำต่อไม่ได้เพราะต้องมาเริ่มคุยกันใหม่ แทนที่จะประชุมเสนอความเห็นกันให้เสร็จตั้งแต่ครั้งแรก เหมือนคนไม่ช่วยพายเรือ แต่ปล่อยเท้าให้ราน้ำไป ทำให้เรือยิ่งพายยากขึ้นช้าขึ้น คนทำงานก็เสียความรู้สึกซึ่งกันและกัน พลอยทำให้เกิดความไม่วางใจกันมากขึ้น เพราะไม่ยอมคุยกันต่อหน้า
ซึ่ง เราเองผู้ไม่กล้าเสนอในที่ประชุมอาจไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น แค่เราไม่กล้านำเสนอ เลยถามคนข้างๆว่าไอเดียนี้ใช้ได้หรือเปล่า พอประชุมเสร็จก็มาคุยกับคนอื่นเพิ่มเฉยๆ ก็ลองพิจารณาดูนะคะว่าบางทีพฤติกรรมของเราอาจกลายเป็นเหตุให้คนอื่นเดือด ร้อนได้ ลองพยายามนำเสนอในที่ประชุมให้มากขึ้นเมื่อมีไอเดีย อย่าง น้อยก็แสดงความจริงใจของเราที่จะช่วยให้งานส่วนรวมในที่ประชุมสำเร็จ ไม่ทำให้ใครมาว่าเราได้ว่าไม่ช่วยออกความคิดเห็นแต่มาทำลายงานของส่วนรวมได้อีก เทคนิคหนึ่งของการประชุมคือการคุยแบบวงกลม หรือที่บางคนเรียกไดอะล็อก ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากกลุ่มก่อนว่าอยากใช้วิธีนี้ประชุมร่วมกัน ประชุมแบบนี้ไม่ต้องมีประธานก็ได้ ใครพร้อมก็พูด พูดทีละคน คนที่เหลือนั่งฟังอย่างลึกซึ้ง ฟังอย่างตั้งใจ พูดจนหมดแล้วคนอื่นจึงจะเริ่มพูดได้ บางที่ก็ให้ถืออุปกรณ์สักชิ้นเป็นการบอกว่าเป็นคนพูด เช่น ปากกา ก้อนหิน ฯลฯ เรียกว่าเป็น Talking Stick ซึ่งคนที่ไม่ได้ถืออุปกรณ์นี้ต้องเงียบและฟังตามกติกา  ถ้า วงไหนทะเลาะกันเก่งนัก กฎข้อหนึ่งที่ช่วยดีคือ คนพูดต้องเว้นไปอีกสองคนก่อนจึงจะมีสิทธิพูดอีกครั้งได้ เช่น นายเอพูดแล้ว ต้องให้คนอื่น เช่น นายบีและนายซีพูดก่อน นายเอจึงจะมีสิทธิพูดอีกที แบบนี้คนที่จะพูดขัดกันก็จะมีเวลาใคร่ครวญ ไม่ตอบโต้ออกไปทันที เพราะยังไม่ถึงคิว ต้องรออีกสองคนก่อน กฎอีกข้อคือห้อยแขวนการตัดสิน หรือไม่ไปคอยคิดประเมินคนนั้นถูกผิดใช่ไม่ใช่ คนฟังแต่ละคนควรฝึกดูแลจิตใจตัวเองเพื่อจะได้เรียนรู้รับข้อมูลกันได้ลึก ซึ้งขึ้น เข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น 
ข้อเสียที่บางคนบ่นคือกระบวนการนี้ใช้เวลามากทีเดียว เพราะบางคนก็พูดน้ำไหลไฟดับแต่เราขัดจังหวะไม่ได้ เพราะกฎคือให้ฟังจนหมด หรือบางคนก็พูดไปเรื่องนั้นเรื่องนี้แทนที่จะเข้าเนื้อหาการประชุม ฯลฯ การใช้วงคุยแบบนี้จึงควรเลือกให้เหมาะกับเรื่องที่เราใช้ สถานการณ์ที่เหมาะสม ว่าเราจะต้องการเนื้องานออกมาเป็นหลักหรือว่าจะเน้นหนักความรู้สึกการมีส่วน ร่วมเป็นหลักอย่างไร ก็ตามถ้าคนในวงประชุมสามารถใช้แบบผสมผสาน คืออย่างน้อยในที่ประชุมรู้จักฟังซึ่งกันและกันมากขึ้น หยุดให้คนอื่นพูด ฟังคนอื่นอย่างลึกซึ้งไม่ตัดสิน รู้จักนำเสนอไอเดียที่ควรนำเสนอ เงียบเมื่อควรเงียบ ไม่จำเป็นต้องแสดงตนเป็นผู้นำผู้มีอิทธิพลตลอดเวลา โดยเฉพาะประธานนำประชุมที่เข้าใจก็จะสามารถช่วยดูแลคนทั้งหมดได้ แบบนี้เราก็จะได้ทั้งงานทั้งคน ไม่ต้องมีอาการ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำอีกค่ะ

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ดร. มิชิตา จำปาเทศ รอดสุทธิ จบการศึกษาทางการจัดการองค์กรธุรกิจระหว่างประเทศและการบริหารเชิงกลยุทธ์ มีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารคน การจัดการองค์กรและการบริหารการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของสถาบันการบริหารและจิตวิทยา ซึ่งเปิดอบรมสัมมนาหลักสูตรสำหรับผู้บริหาร เช่น หลักสูตร The Boss หลักสูตรการบริหารสำหรับเจ้าของกิจการและผู้บริหารระดับสูง และหลักสูตรอื่นๆที่ครอบคลุมการบริหารจัดการกว่า ๑๐๐ หลักสูตร อาจารย์เป็นวิทยากรและที่ปรึกษาให้กับองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และภาคสังคม เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการ การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซีพีเซเว่นอีเลฟเว่น ฯลฯ เป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ดอกเบี้ยธุรกิจ และเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนงานในภาคสังคม เช่น จิตอาสา จิตตปัญญาศึกษา