วันอาทิตย์, พฤษภาคม 06, 2555

เลี้ยงลูกไม่ให้ก้าวร้าว

เป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรร้ายแรงกับบ้านเมืองของเราหรือเปล่า



ในช่วง 3-4 วันข้างหน้านี้


ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี



คุณที่รักคิดเหมือนหมอมั๊ยคะว่าทุกวันนี้ผู้คนบ้านเราแสดงออกกันอย่างก้าวร้าวรุนแรงขึ้นกว่าเดิม (อย่างน้อยเมื่อเทียบกับสมัยหมออายุน้อยกว่านี้)


อาจเป็นเพราะสังคมเปิดโอกาสให้บุคคลแสดงออกทั้งคำพูด การกระทำมากขึ้น


เลยทำให้ความก้าวร้าวรุนแรงในใจ(ที่มีอยู่เดิม)


ปรากฏออกมาให้บุคคลอื่นได้รับรู้มากขึ้น

มาชวนคุยว่า จะเลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นคนที่นิยมความก้าวร้าวรุนแรง



หมอมีข้อเสนอแนะดังนี้นะคะ


พ่อแม่ไม่เป็นตัวอย่างของการใช้ความรุนแรงก้าวร้าวในการแก้ปัญหา


เวลาที่พ่อแม่โมโห โกรธ ไม่พอใจ ไม่ควรด่าทอ อาละวาด โวยวาย ทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายคนอื่นให้ลูกเห็น (ทำลับหลังลูกก็ไม่ดีนะคะ) ควรมีสติ รู้ทัน จับเจ้าตัวโกรธ เจ้าตัวไม่พอใจไว้ให้ทันแล้วปล่อยมันออกไป ไม่ขังมันไว้ให้รกใจเรา ควรหาทางผ่อนคลายโดยออกไปจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดชวนปรี๊ดแตกนั้นซะ หายใจเข้า-ออก ลึกๆ หรือหาอะไรเพลินๆทำสักพัก จนอารมณ์เย็นลง ค่อยมาจัดการปัญหาต่อ ถ้าพ่อแม่รู้จักจัดการอารมณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม หมอการันตีได้เลยว่าเชื้อร้ายของโรคก้าวร้าวที่จะติดไปสู่ลูกจะหงอยไปเยอะเลยค่ะ

คิด พูดและกระทำต่อชีวิตของตัวเองและคนอื่นในแง่ดีอยู่เสมอ


ถึงแม้ว่ามันจะฝืนความรู้สึกเชิงลบในขณะนั้นของคุณมากมายแค่ไหนก็ตาม

พยายามทำตัวตรงข้ามกับที่ความคิดแง่ลบสั่งให้เราคิด ให้เราทำ

จงเชื่อว่า การมองโลกในแง่ดีจะทำให้เรามีความหวังและกำลังใจที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆได้อย่างมีสติ มีเหตุผล

พูดคุยและใช้เวลากับลูกมากๆ

ถามถึงชีวิตของลูกที่โรงเรียน เพื่อนๆที่โรงเรียน คุณครู การเรียน ของเล่นที่ลูกชอบ

อาหารโปรดของเขา คนที่เขารักมากที่สุด อะไรทำให้เขาภาคภูมิใจ

อะไรที่ทำให้เขามีความสุขและอะไรที่ทำให้เขามีความทุกข์

ฟังลูกให้มากเข้าไว้ ยิ้มให้ลูก มองหน้าสบตาลูกด้วยความรักทุกๆวัน

บางคนเชื่อว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์


การที่เด็กจะเติบโตเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ใกล้ชิด

ว่าจะระบายสีอะไรลงไปบนผ้าขาวผืนนั้น

บางคนก็เชื่อว่าเด็กเกิดมาก็มีนิสัยที่ดีและไม่ดีติดตัวมาตั้งแต่เกิด

ต่อให้ดูแลดีอย่างไร ถ้าลองเด็กจะเลว ก็ต้องเลววันยังค่ำ

โดยส่วนตัวหมอเห็นว่าเด็กเหมือนผ้าหลากสี

เด็กทุกคนเกิดมาโดยมีนิสัยเฉพาะตนติดตัวมาด้วย

นิสัยเฉพาะนี้ ทางจิตวิทยาเรียกว่า พื้นอารมณ์ หรือ temperament

ทำให้เด็กแต่ละคนมีความพิเศษ ไม่เหมือนใคร (Uniqueness)

เราไม่ได้ใช้ พื้นอารมณ์ ในการตัดสินว่าเด็กเป็นคนดีหรือไม่ดี เก่งหรือไม่เก่ง
ทารกเกิดมาอยู่ตรงกลาง (neutral) ในทุกนิยามความหมายของโลกของผู้ใหญ่

แล้วค่อยๆมาเรียนรู้ที่จะทำแบบโน้น แบบนี้ เลียนแบบจากผูใหญ่ใกล้ชิด

ถ้าคุณตะโกนใส่ลูกเวลาที่คุณโมโห


ลูกก็จะตะโกนใส่คุณและคนอื่นๆเวลาที่เขาโมโหเช่นกัน
ถ้าคุณแสดงออกว่าคุณเกลียดชังโลกใบนี้ คุณมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อของความเลวร้ายของสังคม ลูกคุณก็มีแนวโมที่จะรู้สึกแบบเดียวกับคุณ

ถ้าคุณแสดงออกถึงความรักต่อโลกและการมองโลกในแง่ดี
ลูกคุณจะแสดงออกเหมือนคุณ






 ที่มา http://community.momypedia.com/community/blog/my_blog_detail.aspx?bgrid=51215&blgid=11490















เค้กกล้วยหอมกึ่งสำเร็จรูป

สุกและหวานมากกกเลยคิดอยากทำเค้กกล้วยหอม แต่ก็ไม่เคยมีสูตรไม่เคยทำ เลยลองทำแบบที่คิดว่าน่าจะเป็นเค้กได้ดูค่ะ รสชาติและกลิ่นเหมือนที่ขายค่ะ แต่เพื่อนบอกว่า ถ้าอยากให้ขึ้นลายเส้นสวยๆเหมือนที่ขายต้องขูดเปลือกกล้วหรือใส่เปลือกกล้วยลงไปปั่น (แปลว่าที่เห็นลายเยอะๆน่ะ ไม่ใช่เนื้อกล้วยเยอะแต่เป็นเปลือก) ส่วนประกอบ แป้งสำเร็จรูปเนื้อสีเหลือง ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำ กล้วยหอมบดเละ ขั้นตอนการทำ 1.ผสมแป้งกับส่วนผสมต่างๆตามคำแนะนำข้างกล่องเลยค่ะ ถ้าไม่มีที่ตีแป้งก็ใช้ทัฟพีคนเหมือนบ้านนี้ก็ได้ค่ะ
2.ใส่กล้วยบดเละลงในแป้งค่ะ คนให้เข้ากัน 3.ตักใส่ถ้วยประมาณ 2 ใน 3 ของถ้วย 4.ใส่เตาอบ บ้านนี้ใช้เตาปิ้งขนมปังขนาด 8 ลิตร ตั้งไฟบน ไฟล่าง อบประมาณ 20 นาที ใช้ไม่จิ้มฟัน จิ้มลงในเนื้อเค้กค่ะ ถ้าไม่มีส่วนผสมของแป้งเค้กติดขึ้นมาเลยแปลว่าสุกค่ะ
อันนี้เทใส่หม้อหุ้งเค้ก (หม้อหุ้งข้าว+อบเค้ก)















ที่มา http://community.momypedia.com/community/blog/my_blog_detail.aspx?bgrid=54522&blgid=11998