วันอาทิตย์, กรกฎาคม 17, 2554

ใช้ประสะไพล แทนยาแก้ปวดประจำเดือน

อาการปวดท้อง หน้าซีด หน้าเขียว บางคนถึงกับเป็นลม ทุกเดือนก่อนและระหว่างมีประจำเดือน เป็นความทุกข์ทรมานของหญิงสาวเป็นจำนวนมาก บางคนปวดถึงขนาดไปเรียนหรือไปทำงานไม่ไหว ต้องพึ่งยาแก้ปวดประจำเดือนเป็นประจำ


มุมมองของแพทย์แผนไทยมองว่า สาเหตุที่สตรีปวดท้องประจำเดือนมากเพราะว่า กำลังของธาตุไฟมีไม่พอ ประกอบกับผนังมดลูกหนา การที่มดลูกจะบีบตัวเพื่อขับเลือดออก ต้องใช้พลังงานสูง และพลังงานนั้นก็มาจากธาตุไฟ สตรีบางคน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ชอบทานน้ำแข็ง น้ำเย็น เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหาร กินข้าวแกง ก็มีน้ำแข็ง 1 แก้ว กินก๋วยเตี๋ยว บวกน้ำแข็ง 1 แก้ว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว ที่ไปทานอาหารนอกบ้านแล้ว ต้องสั่งน้ำแข็ง หรือไม่ เจ้าของร้านใจอารีก็แถมน้ำแข็งเปล่าให้ไม่คิดเงิน พฤติกรรมการทานน้ำเย็นคู่กับอาหารเช่นนี้ สมควรต้องแก้ไขเสียที เพราะทำให้ไฟย่อยอาหารลดลง ถ้าอยู่ในช่วงมีประจำเดือนมา ก็ทำให้บางคนปวดท้องแทบจะเป็นลมนั่นเอง

ตำรายาไทยมียาหลายตำรับใช้แก้อาการปวดท้องประจำเดือน ถ้าต้องการรักษาจริงจัง สมควรปรึกษาแพทย์แผนไทย แต่หากอยากซื้อยารับประทานเองแทนยาแก้ปวดประจำเดือน ขอแนะนำให้ใช้ยาประสะไพล เป็นยาสมุนไพรที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แพทย์ในโรงพยาบาลจ่ายยาประสะไพลให้คนไข้ได้เพื่อขับประจำเดือนและใช้แทนยา แก้ปวดประจำเดือน

ประสะไพล มีสรรพคุณแก้ระดู มาไม่ปกติ คือมาไม่ตามกำหนด หรือมีน้อยกว่าปกติ สามารถขับน้ำคาวปลาสำหรับหญิงหลังคลอดบุตร ทั้งยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แต่ไม่ควรใช้ในคนที่เป็นโรคตับ หรือใช้ติดต่อกันนานเกินสองเดือน และห้ามใช้ในสตรีที่มีระดูมากกว่าปกติ และเนื่องจากตัวยาประกอบด้วยยารสร้อนเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ควรทานหากมีไข้

ยาประสะไพลประกอบไปด้วย หัวไพลหนัก ๘๑ ส่วน ผิวมะกรูด หัวว่านน้ำ กระเทียม หัวหอม พริกไทย ดีปลี ขิง ขมิ้นอ้อย เทียนดำ เกลือสินเธาว์ หนักสิ่งละ ๘ ส่วน และ ผงการบูรหนัก ๑ ส่วน ตัวยาทั้งหมดนี้บดเป็นผงละลายน้ำสุก หรือน้ำมะนาว (ถ้าโลหิตมีลิ่มดำ) รับประทานก่อนอาหารวันละ ๓ ครั้งๆละ ๑ ช้อนชา ถ้าหากทานยากท่านก็เอายาบรรจุแคปซูลก่อนก็ได้ สรรพคุณของหัวไพล ช่วยขับประจำเดือน ขับเลือดเสีย แก้ระดูขาว ทาเคลือบแผล จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ ดูดหนอง สมานแผลได้ หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มักจะปวดประจำเดือน ลองมาทานยาประสะไพล จะดีต่อสุขภาพในระยะยาว

ที่มา http://thaiherbclinic.com/node/53

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น