วันอาทิตย์, สิงหาคม 23, 2552

หลากวิธีสอนลูกเรื่องธรรมะ

ท่าน ว.วชิรเมธี พระอาจารย์ท่านบอกว่า สอนลูกเรื่องธรรมะเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ต้องมีเทคนิคแค่นั้นเอง
Trick 1 :ปรุงแต่งสิ่งแวดล้อม ท่าน ว.วชิรเมธี บอกว่า “จิตใจของเด็กมีแนวโน้มว่าจะสูงหรือจะต่ำขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วย” ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการเรียนรู้ของเด็กตั้งแต่แรกเกิด-6 ปี เกิดขึ้นจากการได้รับแรงบันดาลใจ มากกว่าการใช้เหตุผล ลูกๆ ของคุณแม่จึงเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ที่ได้ดู ได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ลิ้มรส และได้สัมผัส ทุกสิ่งล้วนกลายเป็นประสบการณ์ชีวิตของลูกทั้งสิ้น Trick 2 : พ่อแม่คือโทรทัศน์วงจรปิด โทรทัศน์วงจรปิดจะมีอยู่ช่องเดียวค่ะ ผู้ชมไม่สามารถกดรีโมตไปเลือกชมรายการอื่นได้ เพราะฉะนั้น ชีวิตของพ่อแม่คือรายการโทรทัศน์ที่ออนแอร์ในช่องโทรทัศน์วงจรปิด และเปิดให้ลูกดูตลอด 24 ชั่วโมง ในใจของลูกพ่อแม่จึงเป็นตัวแสดงตลอดเวลา เราอยากให้ใจของลูกสัมผัสคุณธรรม โทรทัศน์ช่องนี้ก็จะต้องฉายหนังเกี่ยวกับคุณธรรมให้ลูกดู เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดของลูกคือการทำตามแบบอย่างของพ่อแม่
Trick 3 : มีศิลปะการสอน เชื่อสิคะว่า ถ้าคุณแม่ไปเรียก (ล่อ) เจ้าตัวเล็กมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม พอเขามาแล้วบอกตรงๆ ไปว่า “แม่จะสอนธรรมะให้ลูก” ไม่ใช่แค่ลูกทำหน้างง แต่ยังลุกขึ้นวิ่งหนีไปทำกิจกรรมอื่น การที่จะสอนธรรมะให้ลูกไม่ควรสอนกันตรงๆ แต่ควรทำให้ลูกเห็นว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว ธรรมะเป็นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และควรจะสอนอ้อมๆ เช่น การสอนผ่านการ์ตูนหรือนิทาน เพราะเด็กมักฟังนิทานอยู่เสมอ และจะได้รับการปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดำเนินชีวิตผ่านนิทาน โดยที่ลูกไม่รู้สึกตัวว่าพ่อแม่สอนธรรมะอยู่ การสอนแบบอ้อมๆ นี้จะแทรกซึมเข้าไปทุกวัน ทำให้ลูกไม่รู้สึกต่อต้านกับการสอนธรรมะ
ทริกง่าย 3 ข้อข้างต้นนี้คงไม่ยากเกินใช่ไหมคะ รู้เทคนิคกันแล้ว ต่อไปก็ต้องเรียนรู้พร้อมๆ กันว่า จะสอนธรรมะเรื่องอะไรให้ลูกค่ะ

เบญจศีล-เบญจธรรม ... ธรรมะของวัยซน
อย่าคิดว่าเราเปิดพระไตรปิฎก หรือหนังสือธรรมะ ก็บอกแล้วไงคะว่า ธรรมะอยู่ในชีวิตประจำวัน วันหนึ่งๆ ลูกเราทำอะไรบ้างคะ “จะมีอะไร๊ นอกจากกิน เดิน นอน นั่ง พูดคุยกับผู้คน” ใช่เลยนั่นแหละค่ะ คือธรรมะที่คุณแม่ต้องสอนลูกล่ะ
ศีลข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต VS ธรรมะข้อ 1 เป็นคนมีเมตตา เมื่อวานมดกัดลูกบี้ให้ตายคามือ วันนี้แกล้งเจ้าตูบให้วิ่งหางจุกตูดเลยดีกว่า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นค่ะ และลูกวัยนี้เริ่มไปโรงเรียน เริ่มมีเพื่อนแล้ว หากลูกไม่เข้าใจ เผลอไปรังแกเพื่อนที่ทำให้ไม่พอใจ เหมือนที่เคยทำกับมดแมลงหรือเจ้าตูบที่บ้าน คงไม่ดีแน่ค่ะ ทางที่ดีคุณแม่ควรควรปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กที่มีความเมตตาและรู้จักให้อภัยผู้อื่น ด้วยการให้ลูกเห็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความเมตตา เช่น ดูแลสัตว์ที่ป่วย ช่วยเหลือคนอื่นที่เดือดร้อน ฯลฯ แล้วลูกก็จะเติบโตขึ้นมาด้วยการมีเมตตา
ศีลข้อ 2 ห้ามลักทรัพย์ VS ธรรมะข้อ 2 รู้จักแบ่งปัน คุณแม่ควรบอกลูกว่า การไปขโมยหรือหยิบฉวยเอาของคนอื่นมาโดยไม่ได้บอกคนที่เป็นเจ้าของคือสิ่งไม่ดี เรื่องนี้ต้องสอนกันตั้งแต่เด็กนะคะ เพราะถ้าไม่สอนตั้งแต่เด็ก โตมาลูกจะเคยชินและกลายเป็นนิสัย ขณะเดียวกัน นอกจากสอนให้ไม่เอาของคนอื่นแล้ว ยังต้องสอนให้ลูกรู้จักแบ่งปัน เช่น แบ่งของเล่นให้เพื่อน มีขนมก็แบ่งเพื่อนกิน ซึ่งโตขึ้นลูกจะเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่คดโกงเอาของคนอื่นมาเป็นของตัว
ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม VS ธรรมะข้อ 3 เรียนรู้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สำหรับลูกเล็กแล้ว จะให้สอนว่ารักครอบครัว ลูกคงไม่เข้าใจ แต่คุณแม่ควรสอนให้ลูกเรียนรู้การใช้งานของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้ถูกต้อง ตาคือต้องรู้ว่าอะไรควรดูอะไรไม่ควรดู หูรู้ว่าอะไรควรฟังอะไรไม่ควรฟัง จมูกคืออะไรที่ควรดมไม่ควรดม ลิ้นคืออาหาร ลูกควรรู้ว่าอาหารชนิดไหนควรกิน อาหารไหนที่ต้องเลี่ยงหรือกินอย่างระวัง กายต้องรู้จักแสดงออกความรักผ่านการสัมผัสอย่างทนุถนอม และใจพ่อแม่ต้องเรียนรู้สร้างสิ่งแวดล้อมทางใจให้ลูกดีๆ เด็กที่เติบโตมาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม และรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เมื่อเติบโตเขาก็ย่อมเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำเช่นกัน
ศีลข้อ 4 ไม่พูดโกหก VS ธรรมะข้อ 4 พูดความจริงเสมอ ลูกวัย 3-6 ปี เป็นวัยที่มีจินตนาการสูง เพราะฉะนั้นบางเรื่องที่ได้ยินลูกพูด อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่อย่าเพิ่งไปโวยวายหาว่าลูกโกหกนะคะ คุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักแยกแยะระหว่างจินตนาการกับโลกของความจริงค่ะ และในโลกของความจริง คุณแม่ควรสอนให้ลูกพูดความจริงอยู่เสมอ ควรสอนให้เป็นคนที่พูดเพราะ และรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด แล้วลูกจะเป็นที่รักของคนรอบข้างค่ะ
ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุรายาเสพติด VS ธรรมะข้อ 5 เจริญสติ ฝึกสมาธิ โดยพื้นฐานของเด็กๆ เขามีสมาธิอยู่แล้วนะคะ และในลูกเล็กวัยซน จะให้มานั่งสมาธิเจริญสติอย่างที่ผู้ใหญ่ทำกัน ลูกคงทำไม่ได้ แต่คุณแม่สามารถทำให้การนั่งสมาธิเป็นเกมที่สนุกของลูกได้ เช่น แข่งกันว่าใครนั่งได้นานที่สุด หรือจะชวนลูกนอนสมาธิเวลาที่เขานอนไม่หลับก็ได้ ระหว่างที่นอนสมาธิก็ชวนลูกดูท้องที่พองขึ้น-ยุบลง ผลของการมีสมาธิจะทำให้ลูกทำอะไรอย่างมีสติ รู้คิดวิเคราะห์ ไตร่ตรองก่อนลงมือทำ และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ณ เวลาขณะนั้น

ขอขอบคุณ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น