ก่อนอื่นเมื่อได้เงินมาแล้ว ต้องมีสติ อย่ารีบร้อน ถ้าใครเผชิญสถานการณ์แบบนี้ ต้องคิดให้รอบคอบ ประการแรกก่อนจะลงทุนควรจะสำรวจตัวเอง เช่น เรามีหนี้สินอะไร รีบชำระ จะได้ลดความกังวลใจในเรื่องดอกเบี้ยไปก่อน
จากนั้นมาดูตัวเราเอง ว่าเรามีความรู้ความถนัดในเรื่องอะไร ทรัพย์สิน ที่ดิน ที่ไหน ที่ตุนไว้ หรือตัวบ้าน หันมาใช้ในการเพาะปลูกรับประทาน หรือไม่เช่นนั้น ก็เอามาปลูกเป็นสวนเกษตรจำหน่ายในระยะยาวก็ไม่เลว
แต่ถ้าไม่มีทุนสังคม ธุรกิจขายตรง เครื่องสำอางประกันภัย ยังมีโอกาสอยู่ เพราะคนไทยเริ่มมีความรู้เรื่องประกันมากขึ้น หรือถ้าจะแฟรนไชส์ ในช่วงนี้ควรสำรวจตัวเองและสำรวจตลาด และอย่าเก็บตัวออกไปนั่งรถเมล์ ดูตลาด ร้านค้า ธุรกิจ ว่ามีโอกาสที่ไหน พูดคุยกับผู้คน ลูกค้าเพื่อมองหาความต้องการที่จะทำให้แนวคิดมีความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนกรณีเราอยากลงทุนด้วยตัวเอง ดูธุรกิจที่ขยายตัว เช่น ธุรกิจบริการของคนไทยเรามีทุนอยู่มาก เช่น การศึกษา เรียนดนตรี อีกกลุ่มคือสุขภาพ สปา เฮลท์แคร์ ขยายตัว ธุรกิจที่จะทำให้คลายความเครียด สุขภาพ ตรงนี้สามารถเข้าไปได้
ธุรกิจอาหารมีโอกาสอยู่เสมอ เช่น การให้บริการส่งถึงที่ หรือรับทำอาหารแล้วส่งร้านอาหารส่งร้านอาหารหลายร้าน ร้านอาหารต้นทุนจะถูก อาจจะมาซื้อกับเราแทนที่จะทำเอง
เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คนเพลิดเพลินกับเสียงเพลง กับนันทนาการต่างๆ การกีฬา คนเครียด คนจะต้องออกกำลังกาย หาอะไรที่ทำให้คนสนุกในแต่ละวัน การตกแต่งภายในบ้าน คนไทยเราปลูกต้นไม้มากขึ้น แต่ไม่รู้วิธีการตกแต่งสวน ถ้าเรามีบริการ ส่งตรงถึงบ้าน รับรองความปลอดภัยน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
อีกธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจ จำหน่ายสินค้าออนไลน์ ลงทุนน้อย จับกลุ่มคนวัยทำงาน วัยรุ่น หรือถ้าหากจะขายสินค้าทั่วโลกผ่าน อีเบย์ โอท็อป การฝีมือก็ยังน่าสนใจ
ส่วนนักพัฒนาบริการซอฟต์แวร์ ตอนนี้มหาวิทยาลัย โรงเรียนต้องการคนเข้าไปเขียนโปรแกรม ช่วยแก้ปัญหา เรื่องฐานข้อมูลนักศึกษา อีเลิร์นนิ่งปรับปรุงเว็บไซต์กำลังเป็นที่ต้องการอยู่มาก
แต่สิ่งสำคัญก็คือ ผู้ประกอบการจะต้องมีแผนการใช้จ่ายเงินที่รอบคอบ และสำหรับรายย่อยจริงๆ ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อาจารย์แนะนำว่าควรจะเริ่มจากการบริหารเงินเท่าที่ตนเองมีอยู่ให้ได้เสียก่อนก่อนที่จะพึ่งพากู้เงินจากแหล่งเงินทุนต่างๆ ซึ่งก็ทำไม่ได้ง่ายนักในยุคนี้
ขอขอบคุณข้อมูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น