เรื่องกินของมนุษย์เรานั้นมีรูปแบบเดิมๆ มานานเป็นร้อยปี คือกินอาหาร 3 มื้อ กินข้าวแล้วกินผลไม้เป็นการปิดท้าย แต่ในมุมมองของแพทย์ทางเลือก หมอเขียว ใจเพชร กล้าจน ได้ให้หลักปฏิบัติในการรับประทานอาหารไว้ดังนี้
ลำดับที่ 1 ดื่มน้ำสมุนไพรปรับสมดุล
คือการดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น น้ำย่านางซึ่งก็คือคลอโรฟิลสดจากธรรมชาตินั่นเอง
ลำดับที่ 2 รับประทานผลไม้ฤทธิ์เย็น
เช่น กล้วยน้ำว้า แก้วมังกร กระท้อน สับปะรด ส้มโอ ชมพู่ มังคุด แตงโม แตงไทย แคนตาลูป มะม่วงดิบ มะขามดิบ มะละกอดิบ โดยรับประทานเท่าที่รู้สึกสดชื่น พออิ่ม
ลำดับที่ 3 รับประทานผักฤทธิ์เย็นสด
อ่อมแซบ (เบญจรงค์) ผักบุ้ง แตง กวางตุ้ง สายบัว ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดขาว ผักกาดหอม ถั่งงอก บัวบก มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือเทศ โดยอาจกินกับน้ำสลัด เป็นสลัดผักสด หรือจะปรุงรสกับน้ำมะขาม น้ำมะนาว น้ำปลาเป็น ส้มตำ แต่ควรงดใส่พริกนะ กินกับน้ำพริกที่รสไม่จัดมาก
ลำดับที่ 4 รับประทานข้าวจ้าวพร้อมกับข้าว
เลือกข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือยิ่งดีที่สุด ควรงดข้าวและคาร์โบไฮเดรท ที่มีฤทธิ์ร้อนมาก เช่น ข้าวเหนียว ข้าวแดง ข้าวดำ ข้าวอาร์ซี ข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ เผือก มัน กลอย เมื่อเลือกข้าวได้แล้ว กับข้าวควรใช้ผักฤทธิ์เย็นเป็นหลักในการปรุง เช่น ผัดบวบในน้ำ แกงจืดยอดตำลึงใส่ผักหวานข้าวโพด หรืออาจปรุงเป็นยำผัก ก้อยผัก แกงจืด แกงอ่อม ยำเห็ด เต้าหูผัด เป็นต้น หรือเมนูอาหารอื่นๆ ที่มีทั่วไป เพียงแต่ใช้ผักฤทธิ์เย็นเป็นหลักในการปรุง ดการปรุงอาหารที่กระบวนการทำเกิดความร้อนมาก เช่น เผา ปิ้ง ย่าง อบ ผัดด้วยน้ำมัน ปรุงรสจัด อย่าตั้งไฟนานเกินไป และอย่าอุ่นอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีก
ลำดับที่ 5 รับประทานต้มถั่วหรือธัญพืชฤทธิ์เย็น
ถั่วประเภทต่างๆ เช่น ถั่วขาว ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ลูกเดือย โดยหมุนเวียนชนิดในแต่ละวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น