วันอังคาร, พฤศจิกายน 03, 2552

กนง.หวั่นดอกเบี้ยต่ำนาน ก่อฟองสบู่อสังหาฯ แตก


กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
กนง.ห่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำยาวนาน เสี่ยงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตกในอนาคต หวั่นคนแห่กู้แบงก์ช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ สะสมอสังหาฯ เพื่อขายในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ขณะที่การประชุม กนง.ครั้งสุดท้ายของปีนี้ คาดอาจคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% เหมือนเดิม เพื่อหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อล่าสุด ฉบับเดือน ต.ค.ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กังวลต่อความเสี่ยงจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลายจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินที่อยู่ในระดับต่ำมาก เป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจจะเพิ่มโอกาสของการเกิดภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์เมื่อเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นได้ เนื่องจากประชาชนและนักลงทุนจะหันมาสะสมอสังหาฯ เก็บไว้เพื่อเก็งกำไร ช่วงเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น เพราะสามารถขอสินเชื่อได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ดังนั้น กนง.จะติดตามและประเมินความเสี่ยงดังกล่าวอย่างใกล้ชิด แม้ปัจจุบันจะไม่พบสัญญาณการก่อตัวของฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชัดเจนก็ตาม
แม้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ กนง.ประเมินว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนได้จากความเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อหน่วยของโครงการอสังหาฯ ที่เปิดขายช่วง ปีที่ผ่านมา มีเพียงราคาอาคารชุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นบ้าง แต่เป็นการปรับราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนของราคาที่ดิน ซึ่งได้ปรับตัวสูงขึ้นไปก่อนหน้านี้ จากการพัฒนาขยายเส้นทางระบบขนส่งมวลชนที่มีความชัดเจนขึ้น
ด้านอุปทานของที่อยู่อาศัย แม้จะขยายตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่เป็นการเพิ่มขึ้นที่สอดคล้องกับภาวะอุปสงค์ อีกทั้งสถาบันการเงิน ได้เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น โดยจะให้สินเชื่อเฉพาะโครงการอสังหาฯ ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีอุปสงค์รองรับในระดับหนึ่งแล้วทำให้ปัจจัยเร่งภาวะฟองสบู่จากสินเชื่อมีค่อนข้างต่ำ
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการเองก็มีความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น การปรับขนาดโครงการให้เล็กลง การสร้างบ้านพร้อมอยู่หรือกำหนดยอดขายก่อนการก่อสร้างจริง และลดการพึ่งพาเงินกู้ยืมจากภาคสถาบันการเงิน ทำให้โดยรวมแล้วอุปสงค์และอุปทานอสังหาฯ ค่อนข้างสมดุล
"กนง.ได้คงดอกเบี้ย 1.25% ต่อปีตลอดการประชุม กนง.ติดต่อกันนานถึง ครั้ง หรือตั้งแต่การประชุมเมื่อวันที่ 20 พ.ค.จนถึงการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ กนง.เหลือการประชุมในปีนี้อีกเพียง ครั้งในวันที่ ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดยังคงยังคาดว่า กนง.ยังจะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25% ต่อปี เพื่อใช้สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป"
แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น โดย กนง.คาดว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาส เทียบกับไตรมาส จะขยายตัวเพิ่มเป็น 2.1-2.6% และจะเริ่มเป็นบวกในไตรมาส ปีนี้ ทำให้ ธปท.ปรับคาดการณ์จีดีพีเฉลี่ยในปีนี้จะหดตัวลดลงมาอยู่ที่ -2.5 ถึง -3.5% จากเดิมคาดว่าจะหดตัว -3.05 ถึง -4.5% ต่อปี แต่การฟื้นตัวดังกล่าว ยังเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงและมีความเปราะบาง ทั้งนี้ หลัง กนง. มีมิติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่1.25% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ แห่ง ลดลงมาอยู่ที่ 5.86% ต่อปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น