วันศุกร์, พฤศจิกายน 20, 2552

พาณิชย์เตรียมประจานโรงสีขี้โกงผ่านสื่อ

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อประเมินสถานการณ์ผลผลิตข้าว และภาพรวมสถานการณ์ราคาข้าว โดยมั่นใจราคาข้าวเปลือก หลังจากนี้ไปจะมีราคาดีขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดจุดตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกเกษตรกร ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีโรงสีเข้าร่วมโครงการ 632 แห่ง  และมีการเปิดจุดรับซื้อข้าวแล้ว 124 แห่ง ใน 34 จังหวัด อาทิ นนทบุรี พิษณุโลก กำแพงเพชร สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ชัยนาท สุโขทัย เชียงใหม่ ปทุมธานี พิจิตร นครปฐม และอื่นๆ ปรากฏว่า ไม่มีเกษตรกรรายใดนำข้าวมาขายตามโรงสีต่างๆ แม้แต่รายเดียว เนื่องจากราคาตลาดสูงกว่าราคาอ้างอิง  เป็นผลมาจากราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าราคาข้าวเปลือกที่เกษตรจะขายก็จะมีราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในได้กำชับผู้ประกอบการ ประกอบด้วย โรงสี ท่าข้าว ผู้ประกอบการที่รับซื้อข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และหัวมันสำปะหลังสดจากเกษตรกร จะต้องปิดป้ายแสดงประเภท ชนิด คุณภาพ ความชื้นและราคารับซื้อ กรณีที่จะมีการหักลดน้ำหนักความชื้นต้องแสดงให้ชัดเจนครบถ้วน โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคารับซื้อ และต้องรับซื้อตามราคาที่แสดงไว้ด้วย หากพบไม่มีการปิดป้ายหรือปิดป้ายไม่ตรงกับข้อกำหนดดังกล่าว ต้องรับโทษปรับ 10,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542นอกจากนี้ หากมีการเอาเปรียบเกษตรกรในการซื้อขาย การชั่งน้ำหนัก การหักลดความชื้น การหักสิ่งเจือปน ทำให้ใช้เครื่องชั่ง เครื่องวัดความชื้น การแสดงน้ำหนัก ปริมาณไม่เที่ยงตรง อาจถูกเพิกถอนหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าว และกรมการค้าภายในจะใช้วิธีการชมเชยและการลงโทษแก่ผู้ที่กระทำความผิดในลักษณะต่างๆ ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคผ่านทางเว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน แจ้งรายชื่อให้สื่อมวลชนรับทราบ และยังจะจัดลำดับความน่าเชื่อถือของโรงสี หากทำธุรกรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจก็จะได้คะแนนเป็นดาว เหมือนกับธุรกิจโรงแรม หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวเปลือก สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน สำนักงานการค้าภายในจังหวัด และสำนักงานชั่งตวงวัดสาขาในจังหวัดนางสาวชุติมา กล่าวอีกว่า กรมการค้าภายใน จะจัดตลาดนัดข้าวเปลือก เพื่อให้เกษตรกรมีแหล่งซื้อขายข้าวเปลือกเพิ่มขึ้น โดยจะจัดตลาดนัดให้โรงสีมารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญในพื้นที่ 59 จังหวัด ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2552 ถึงกุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นภาคใต้จะเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม 2553 ซึ่งจะเริ่มนำร่องครั้งแรก ในพื้นที่แหล่งผลิตข้าวที่สำคัญ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิจิตร นครสวรรค์ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม สกลนคร อุดรธานี และลพบุรี โดยจัดจังหวัดละ 1- 3 วัน และในต้นปีหน้า รัฐบาลจะเปิดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร รอบที่ 2  หลังจากรัฐบาล ได้เปิดให้เกษตรกรลงทะเบียนไปแล้วเมื่อรอบแรกที่ผ่านมานอกจากนี้ กรมการค้าภายในเตรียมหารือกับกรมการค้าข้าว และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีการปลูกข้าวอายุสั้น (ต่ำกว่า 100 วัน) โดยที่ผ่านมามีเกษตรกรจำนวนมากไม่สามารถนำข้าวชนิดดังกล่าว เข้าร่วมโครงการประกันรายได้กับรัฐบาลได้  ดังนั้น กรมการค้าภายในจะให้กรมการค้าข้าว พิสูจน์การปลูกข้าวอายุสั้น หากเป็นชนิดข้าวที่มีคุณภาพสูง จะสามารถให้เข้าร่วมโครงการประกันรายได้ คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็ว ๆนี้. (สำนักข่าวไทย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น