มันไม่ได้เหมือนในหนังเรื่องไหนเลย ไม่มีฉากที่ผู้หญิงผู้ชายทะเลาะถกเถียงกัน เพื่อจะมาเจอกันฉากต่อไป แล้วพบว่า ทั้งคู่ต่างต้องทำงานหรือต้องใกล้ชิดกันด้วยเหตุจำเป็น
ไม่มีฉากเดินชนกัน แล้วหยุดมองตาค้างแบบในหนัง
ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแอบมองกันอย่างซาบซึ้ง หรือว่าตกหลุมรักกันในแรกพบ
และก็ไม่มีเรื่องอะไรให้รู้สึกใดๆ ต่อเนื่องอีกเลย
นั่นอาจเป็นเพราะเรายังไม่ได้รู้สึกอะไร ในตอนแรกที่เห็นเขา มันจึงไม่มีเรื่องประทับใจอะไรเหมือนในหนัง และก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นในความสัมพันธ์ แต่พอได้รู้จักเขามากขึ้น เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมเราถึงรู้สึกกับเขามากขึ้นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ หรือเพราะความรู้สึกบางอย่างมันก่อตัวขึ้นแบบเงียบๆ
* ตอนที่พูดคุยกัน เราเริ่มมองตาและอยากฟังทุกอย่างที่เขาพูด
* ตอนที่กินข้าวด้วยกัน เราเริ่มอยากกินข้าวกับเขาให้บ่อยครั้งที่สุด
* เราอยากหยุดเวลา ตอนที่ได้นั่งใกล้ๆ เขา
* อยากให้เขายิ้มอย่างนั้นให้เราตลอดไป
* เวลาเขาโทร.มาคุย ก็ไม่อยากให้เขาวาง
* อยากรู้ทุกความเป็นไปของเขา
* และอยากไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาบ้าง
ความรู้สึกที่มันก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ จึงส่งผลให้การกระทำและสายตาเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวและไม่อาจจะควบคุมได้
จนวันที่มีพี่คนหนึ่งสะกิดถามว่าเราชอบคนคนนั้นใช่ไหม เราเองยังตกใจว่า เราดูง่ายและชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ พี่คนนั้นบอกว่า ตอนที่นั่งกินข้าวด้วยกันสามคน มีเรา มีเขา และมีพี่คนนั้น เรากับเขาคุยและกินข้าวเหมือนมีกันอยู่สองคน วันนั้นเราเลยรู้สึกตัวและแน่ใจตัวเองว่า เราคงชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ
คุณล่ะคะ จำได้ไหมว่าเริ่มรักเขาตอนไหน
เขามีเรื่องอะไรที่สะดุดใจทำให้คุณประทับใจเขาบ้างหรือเปล่า
และเขาคนนั้นของคุณเป็นแบบที่คุณคิดไว้หรือเปล่าคะ
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ เราคงต้องใช้เวลากับมัน ไม่ว่าจะใช้เพื่อให้มันหยั่งรากลึกมากขึ้น หรือว่าใช้เพื่อทบทวนว่ามันน่าจะน้อยลง โดยเฉพาะความรัก เมื่อเวลาผ่านมาสักระยะหนึ่ง เราเริ่มรู้จักกับเขาคนนั้นมากขึ้น เราก็อาจจะรักเขาน้อยลงหรือไม่ ก็จะยิ่งรักเขามากขึ้นและอยากให้เป็นคนที่ใช่
เหมือนที่ฉันค้นพบความรู้สึกของตัวเองที่มีให้เขาคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ ''เธอ'' แค่ได้รักก็เป็นสุขใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น